เมื่อวันที่ 12 มีนาคม ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัด สธ. กล่าวถึงกรณีเมื่อวันที่ 11 มีนาคม รัฐบาลได้ประกาศยกเลิกช่องทางอนุญาตของด่านตรวจคนเข้าเมืองภายในประเทศไทย (VISA ON ARRIVAL) ใน 18 ประเทศ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 ว่า มาตรการนี้เป็นการเสนอโดยกระทรวงการต่างประเทศ อ้างอิงข้อมูลทางการแพทย์และการระบาด เป้าหมายคือการคัดกรองเนื่องจากอยู่ในระยะที่ 2 จึงต้องป้องกันไม่ให้คนจากภายนอก เช่น กรณีของนักท่องเที่ยวชาวฮ่องกงที่เดินทางมาหาเพื่อนในประเทศไทย ก็ใช้มาตรการคือ การตรวจใบรับรองแพทย์ เพื่อไม่ให้มีผู้ป่วยเข้ามาในประเทศ และในกรณีนักท่องเที่ยวที่จะเข้าประเทศโดยปกติจะต้องมีวีซ่า และใบรับรองแพทย์ในการตรวจก่อนจะเข้าประเทศไทยได้เพื่อเป็นการคัดกรองในระดับหนึ่ง
ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุใด สธ.ไม่เสนอยกเลิก VISA ON ARRIVAL ในประเทศที่มีการระบาดเพิ่มขึ้น นพ.สุขุม กล่าวว่า การจะประกาศจะต้องผ่านกระบวนการทางกฎหมายที่มีกรรมการวิชาการที่นอกเหนือจาก สธ.ด้วย แต่จะต้องมีข้อมูล ละผ่านกรรมการวิชาการโดยในหลายประเทศจะมีการเปลี่ยนแปลง เช่น จีน ที่มีการพบผู้ป่วยใหม่ลดลงก็อาจจะมีการพิจารณาใหม่ หรือ ประเทศที่มีการเห็นสถานการณ์ชัดเจน เช่น สเปน ฝรั่งเศส ฯลฯ ก็กำลังเข้าในการพิจารณา จะห้ามทุกประเทศไม่ได้เนื่องจากต้องมีเหตุผล
เมื่อถามว่า องค์การอนามัยโลกประกาศว่า ขณะนี้โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 มีการระบาด 13 เท่า สธ.ไทยจะมีการรองรับอย่างไร นพ.สุขุม กล่าวว่า เพิ่มมาตรการการดูแลคัดกรองและค้นหาผู้ป่วยมากขึ้น จากที่ตรวจสอบเพียงชาวต่างประเทศหรือผู้ที่ทำงานสัมผัสกับนักท่องเที่ยว ก็จะขยายเพิ่มไปในบุคลากรทางการแพทย์ และผู้ป่วยที่มีปอดอักเสบที่ไม่ทราบสาเหตุ ผู้ป่วยที่พบบางรายไม่มีอาการป่วยหนักแต่ก็ได้ดำเนินนำเข้าระบบคัดกรอง และต่อไปทางกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ก็ขยายการตรวจหาเชื้อไปในกลุ่มที่เป็นการวินิจฉัยโรคไข้หวัดใหญ่ เพื่อครอบคลุมการหาผู้ป่วย
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
เมื่อถามว่า การยกเลิกศูนย์กักกันโรคเมื่อวันที่ 11 มีนาคม จะต้องปิดทุกศูนย์หรือไม่ นพ.สุขุม กล่าวว่า การดูแลผู้ป่วยที่เป็นชาวต่างประเทศที่มาจากพื้นที่ติดโรคนอกเขตราชอาณาจักร 4 ประเทศ 2 เขตปกครองพิเศษ ปรับการดูแลเป็นการดูแลโดยรัฐบาล กำหนดให้มีสถานที่และตั้งเจ้าพนักงานควบคุมโรค เจ้าหน้าที่ภาคปกครองและทหาร เพื่อช่วยกันดูแลอย่างเข้มข้น หากจะพักอาศัยอยู่ที่บ้านแต่ต้องดูแลว่าบ้านเป็นอย่างไร จะมีเจ้าหน้าที่ทางสาธารณสุข กำนัน ผู้ใหญ่บ้านไปดูแล
เมื่อถามถึงการขยายการตรวจวินิจฉัยหาผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในผู้ป่วยที่เป็นไข้หวัดใหญ่ นพ.สมฤกษ์ จึงสมาน รองอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า ในการติดหาเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ปัจจุบันใช้วิธีการตรวจ PCR ซึ่งเพิ่มศักยภาพในการตรวจได้มากกว่าเดิมอย่างน้อย 2-3 เท่า หากมีผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้น ทำการขยายไปในทุกโรงพยาบาล คาดว่า 1-2 สัปดาห์หน้า ใน โรงพยาบาลประจำจังหวัดจะมีความพร้อมให้บริการในตรวจ ปัจจุบันพบว่ามีผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ที่อาการหนักแต่ไม่มีความเสี่ยง แต่จะมีการตรวจเพิ่มให้ ซึ่งมีความพร้อมตรวจอยู่แล้ว พร้อมทั้งกรมควบคุมโรคได้มีการตรวจแบบรวดเร็ว หรือ แรพพิด เทสต์ (Rapid test) ที่ทำให้ทราบผลได้อย่างรวดเร็ว คาดว่าภายใน 2 สัปดาห์จะมีการใช้ตรวจในผู้ที่มีความต้องการอยากตรวจหาเชื้อแม้มีความเสี่ยงน้อย
