เมื่อวันที่ 17 มีนาคม พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) นำคณะผู้บริหาร กทม.ประกอบด้วย นายสกลธี ภัททิยกุล รองผู้ว่าฯ กทม. นางศิลปสวย ระวีแสงสูรย์ ปลัด กทม. ผู้บริหารกทม. ผู้บริหารสำนักการจราจรและขนส่ง และผู้ที่เกี่ยวข้อง ไปทดลองนั่งรถชัตเติ้ล บัส (Shuttle Bus) จากสถานีขนส่งสายใต้ใหม่ – สถานีบีทีเอสบางหว้า ตามโครงการความร่วมมือทดลองให้บริการเดินรถชัตเติ้ล บัส เพื่อนำส่งผู้โดยสารเข้าสู่ระบบขนส่งมวลชนหลัก (ระบบราง) “BMA FEEDER” ร่วมทดลองนั่ง ณ สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ (สายใต้ใหม่) เขตตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร
ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวสำนักการจราจรและขนส่ง ร่วมกับภาคเอกชน ดำเนินโครงการความร่วมมือทดลองให้บริการเดินรถชัตเติ้ล บัส เพื่อนำส่งผู้โดยสารเข้าสู่ระบบขนส่งมวลชนหลัก (ระบบราง) เพิ่มทางเลือกให้กับประชาชนในการเดินทางในเส้นทางที่ระบบขนส่งหลักยังไปไม่ถึง ลดการใช้รถยนต์ส่วนบุคคล และลดปัญหาการจราจรในพื้นที่กรุงเทพฯ โดยกำหนดเดินรถในเส้นทางที่ยังไม่มีบริการขนส่งมวลชนอื่นๆ และหลีกเลี่ยงการทับซ้อนเส้นทางเดินรถขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) และรถสองแถว ที่ให้บริการในปัจจุบัน เบื้องต้นกำหนดเส้นทางเดินรถไว้ 10 เส้นทาง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับเส้นทางจะดำเนินการนำร่อง 3 เส้นทาง ได้แก่
1.สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ (สายใต้ใหม่) เขตตลิ่งชัน ไปสถานีบีทีเอส บางหว้า เปิดทดลองให้บริการวันที่ 17 มีนาคม ระยะทาง 26.5 กิโลเมตร จุดจอดรับ-ส่ง ประกอบด้วย สถานีขนส่งสายใต้ใหม่ – เนติบัณฑิตยสภา – สถานีบีทีเอส บางหว้า – ตลาดดอกไม้ – สถานีขนส่งสายใต้ใหม่
2.ชุมชนเคหะร่มเกล้า ไปแอร์พอร์ต ลิ้งค์ ลาดกระบัง กำหนดเปิดทดลองให้บริการวันที่ 24 มีนาคม ระยะทางรวม 17.5 กิโลเมตร จุดจอดรับ-ส่ง ประกอบด้วย ชุมชนเคหะร่มเกล้า – สวนเฉลิมพระเกียรติ 60 พรรษา – เคหะร่มเกล้า 30 (ตรงข้ามสนามกีฬาเคหะร่มเกล้า) – สถานีเออาร์แอล (ARL) ลาดกระบัง – ชุมชนเคหะร่มเกล้า
3.ศาลาว่าการ กทม. 2 เขตดินแดง ไปสถานีบีทีเอส สนามเป้า กำหนดเปิดทดลองให้บริการวันที่ 31 มีนาคม ระยะทาง 11.7 กิโลเมตร จุดจอดรับ-ส่ง ประกอบด้วย กทม.2 – โรงพยาบาล (รพ.) ทหารผ่านศึก – สถานีบีทีเอส สนามเป้า – รพ.ทหารผ่านศึก – โรงเรียนรักษาดินแดน – มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย – กทม.2
โดย กทม.เปิดให้บริการฟรีและกำหนดจุดจอดรับส่งประชาชนเฉพาะจุดเท่านั้น ระหว่างเวลา 05.00-21.00 น. ระยะห่างของช่วงเวลาการเดินรถประมาณ 15-30 นาทีต่อคัน ให้บริการฟรี 6 เดือน หลังจากนั้น กทม.จะมีการประเมินผลการดำเนินงานและผลการตอบรับของประชาชนเพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ ประชาชนสามารถลงทะเบียนใช้งานและเช็คตำแหน่งรถได้แบบเรียล ไทม์ เพียงใช้แอพพลิเคชั่น Viabus หรือสแกนคิวอาร์ โค้ด หรือสามารถลงทะเบียนใช้งานผ่านทาง link website ของสำนักการจราจรและขนส่ง http://www.bangkok.go.th/traffic/ ส่วนอีก 7 เส้นทาง ประกอบด้วย 1.พระราม 6 ไปสถานีบีทีเอส อารีย์ 2. ทองหล่อ ไปเอกมัย 3.ท่าเรือกรุงเทพ เขตคลองเตย ไปสถานีบีทีเอส อ่อนนุช 4.ซอยเสนานิคม ไปสถานีบีทีเอส เสนานิคม 5.สยามสแควร์ ไปสนามหลวง 6.ศาลาว่าการกทม. 2 เขตดินแดง ไปมหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช และ 7.สายไหม ไปสถานีบีทีเอส สะพานใหม่ ซึ่งจะมีการศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมก่อนที่จะเปิดให้บริการต่อไป นอกจากนี้ จะศึกษาเส้นทางอื่นๆ ที่มีความเหมาะสมสำหรับการเปิดให้บริการเดินรถชัตเติ้ล บัส เพิ่มเติม เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงการเดินทางด้วยระบบขนส่งมวลชนระบบรองและระบบหลักได้อย่างสะดวก
พล.ต.อ.อัศวิน เปิดเผยว่า วันนี้ได้เปิดทดลองให้บริการฟรีแก่ประชาชนแล้ว 1 เส้นทาง คือ สถานีขนส่งสายใต้ใหม่ – สถานีบีทีเอส บางหว้า จากการทดลองนั่งใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 30 นาที ส่วนขากลับใช้เวลาประมาณ 20 นาที เส้นทางดังกล่าวสามารถเชื่อมต่อได้ทั้งระบบ ล้อ ราง และเรือ ให้บริการตั้งแต่เวลา 05.00-21.00 น. โดยในเวลาเร่งด่วนระหว่างเวลา 05.00-09.00 น. และเวลา 15.00-19.00 น. รถจะออกทุก 15 นาที ส่วนในช่วงเวลาปกติ เวลา 09.00-15.00 น. และเวลา 19.00-21.00 น. รถจะออกทุก 30 นาที
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
“สำหรับรถชัตเติ้ล บัส ที่ให้บริการเป็นรถบัสปรับอากาศ มีที่นั่งจำนวน 36 ที่นั่ง มีที่ยืนพร้อมด้วยราวจับจำนวน 20 ที่ และมีแอลกอฮอล์เจลสำหรับล้างมือไว้บริการ ใช้ก๊าซธรรมชาติเอ็นจีวีเป็นเชื้อเพลิง ในอนาคต กทม. มีแผนที่จะเปลี่ยนเป็นระบบไฟฟ้าเพื่อลดปัญหามลพิษด้านอากาศ ลดภาวะโลกร้อน ลดปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน หรือ PM2.5 และมลพิษด้านเสียง ทั้งนี้เพื่อสุขภาพที่ดีของประชาชนทุกคน พร้อมกันนี้ได้มอบหมายสำนักการจราจรและขนส่งจัดทำป้ายแสดงบอกเวลารถเข้าจอดจุดรับ-ส่งที่ชัดเจน เพื่อให้ผู้ใช้บริการได้รับทราบเวลาที่รถจะเข้าจอดในแต่ละจุด และมอบหมายสำนักงานเขตพื้นที่ดำเนินการประชาสัมพันธ์การให้ประชาชนทราบอย่างทั่วถึง” พล.ต.อ.อัศวิน กล่าว
