“สาธิต” รับ ไม่มีกฎหมายห้ามเดินทางช่วงเทศกาล งดวันหยุดสงกรานต์ช่วยลดความเสี่ยงได้

“สาธิต” รับ ไม่มีกฎหมายห้ามเดินทางช่วงเทศกาล แต่งดวันหยุดสงกรานต์ช่วยลดความเสี่ยงได้

เมื่อวันที่ 18 มีนาคม ที่ กระทรวงสาธารณสุข นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) กล่าวถึงมาตรการรับมือสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019

เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่เพิ่มเพื่อน

Advertisement

 

นายสาธิต กล่าวว่า ขณะนี้สธ.ได้เปิดวิธีการรายงานผู้ป่วยเป็นผ่านระบบแอพพลิเคชั่นแบบ เรียลไทม์(Real Time) ซึ่งเป็นของ สธ.โดยตรงชื่อว่า “COVID Tracker” (โควิดแทรคเกอร์) เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าไปดูพื้นที่ที่พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อตามพิกัดต่างๆ ซึ่งจะระบุพิกัดที่จำเพาะในแต่ละราย พร้อมทั้งแสดงจำนวนผู้ป่วยที่ยืนยันติดเชื้อแล้ว รวมถึงผู้ป่วยที่รอผลการยืนยัน เพื่อเป็นการแสดงเจตจำนงความโปร่งใส ว่า สธ.ไม่มีการปกปิดข้อมูล ทั้งนี้ยังมีแพลตฟอร์มชื่อ “ไทยรู้สู้โควิด” ที่จะแสดงความรู้เกี่ยวกับกับโรคไวรัสโคโรนา2019 เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลได้อย่างเต็มที่

นายสาธิต กล่าวว่า สธ.ได้มอบให้สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ(สพฉ.) ร่วมกับอาสากู้ภัยทั่วประเทศมีกว่า 10,000 คนทำแผนรับมือกับโรคไวรัสโคโรนา2019 เพื่อให้มีความพร้อมเคลื่อนย้ายผู้ป่วยที่ฉุกเฉิน รวมถึงหารือเพื่อยื่นของบประมาณกลางไปยังภาครัฐบาล เพื่อสร้างความมั่นใจให้ประชาชนว่าหากผู้ป่วยมีการติดเชื้อหรือมีการป่วยจะได้รับการดูแลอย่างเต็มที่ พร้อมติดตามสิทธิ์การรักษาสามารถโทรติดต่อที่เบอร์ 02-872-1669 ฟรี เพื่อตรวจรักษาฟรีใน โรงพยาบาล(รพ.)เอกชนจะใช้สิทธิ์ UCEP Covid-19 ซึ่งจะแตกต่างกับ UCEP ทั่วไป จะเกิดขึ้นใน 2 วันนี้ ซึ่งเป็นความร่วมมือของ รพ.เอกชนและ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.) และกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ(สบส.) เช่นหากมีผู้ป่วยโรคไวรัสโคโรนา2019 อยากไปรักษาที่รพ.เอกชน ก็ต้องจ่ายส่วนต่างบางส่วนที่เหลือจากรัฐบาลจ่ายให้

Advertisement

 

 

นายสาธิต กล่าวว่า ความพร้อมด้านอุปกรณ์แพทย์ มีความมั่นใจว่าสามารถสนับสนุนได้ทั้งใน สมาคมรพ.เอกชน รพ.โรงเรียนแพทย์ รพ.ทหาร รพ.ตำรวจและรพ.ในสังกัดกรุงเทพมหานคร(กทม.) ได้เตรียมมาตรการ 4 ด้าน ได้แก่ 1.ชุดป้องกัน PPE ที่ได้สั่งซื้อจากประเทศเวียดนามและเพิ่มกำลังสั่งซื้อในประเทศจีนขึ้นอีก กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์เร่งหาบริษัทเอกชนใดที่มีชุดป้องกันใช้เฉพาะผู้ป่วยกรณีรายที่อาการไม่รุนแรงได้ ซึ่งแยกจ่ายกรณีผู้ป่วยรุนแรง ก็จะเป็นการลดค่าใช้จ่ายได้และไม่สิ้นเปลืองทรัพยากร 2.หน้ากาก N95 สำหรับบุคลากรทางการแพทย์ที่ใช้โดยเฉพาะ จะสั่งซื้อจากประเทศจีนซึ่งในประเทศไทยมีโรงงานผลิตเพียงแห่งเดียว สธ.ได้เจรจาการผลิตว่าให้เปิดการสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้น

 

3.หน้ากากอนามัยทางการแพทย์ที่เพิ่มการผลิตจาก 1.2 ล้านชิ้น/วัน เป็น 2 ล้านชิ้น/วัน และจะสั่งซื้อเพิ่มจากประเทศจีน เนื่องจากทางประเทศจีนเหตุการณ์การแพร่ระบาดลดลงแล้ว และพร้อมที่จะสนับสนุนประเทศไทย และ 4.ยารักษาโรค โดยองค์การเภสัชกรรม(อภ.) รับหน้าที่สั่งซื้อจากประเทศจีน ซึ่งในขณะมียาในประเทศไทยประมาณ 40,000 เม็ด แบ่งเป็นกรมการแพทย์จำนวน 10,000 เม็ดและ สำนักงานปลัดสธ.จำนวน 30,000 เม็ด แต่จะมีการสั่งซื้อเพิ่มเพื่อรองรับเหตุการณ์ที่มีผู้ติดเชื้อเพิ่มในอนาคต

 

นายสาธิต กล่าวว่า ความพร้อมการรักษา ขณะนี้มีการสนับสนุนจากหลายส่วน เช่น สมาคมรพ.เอกชน รพ.โรงเรียนแพทย์ รพ.ตำรวจ รพ.ทหาร รพ.ในสังกัดกทม.และสมาคมอุรเวชช์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้หารือกันเพื่อรวมกำลังเตียงรองรับผู้ป่วย โดยใช้หลักการว่าหาก รพ.ใดที่รับตรวจหาเขื้อไวรัสผู้ป่วยแล้วหากพบว่ามีผลออกมาเป็นบวก รพ.นั้นก็ต้องรับรักษาจนผู้ป่วยหายเป็นปกติ แต่ถ้าขาดอุปกรณ์ใดในการดำเนินการทาง สธ.จะสนับสนุนทรัพยากรให้ จากการสำรวจขณะนี้ใน กทม. มีจำนวนประมาณ 1,000 เตียงรองรับผู้ป่วย และทั่วประเทศไทยมีประมาณ 6,000 เตียง ซึ่งได้เตรียมการจัดหาไว้รองรับการแพร่ระบาดที่อาจจะเพิ่มขึ้นและอาจจะมีผู้ติดเชื้อในต่างจังหวัดมากขึ้น

นายสาธิต กล่าวว่า ขวัญกำลังใจของเจ้าหน้าที่ แพทย์ พยาบาล บุคลากรทางการแพทย์เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ทางรัฐบาลได้อนุมัติงบประมาณกลางเพิ่มค่าเบี้ยเสี่ยงภัยในการทำงานเพิ่มเติม รวมถึงกรมธรรม์ประกันชีวิต จากสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบการธุรกิจประกันภัย(คปภ.) จำนวน 70,000 กรมธรรม์ คุ้มครองเมื่อมีบุคลากรที่ติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 จะได้เงินตอบแทนทันที 20,000 บาท ขณะนี้ได้รับการสนับสนุนเพิ่มอีกหลายบริษัทประมาณ 50,000 กรมธรรม์ คุ้มครองเมื่อมีบุคลากรที่ติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 จะได้เงินตอบแทนทันที 20,000 บาท นอกจากนี้ระเบียบของกรมบัญชีการระบุว่าหากติดเชื้อในการปฏิบัติหน้าที่ ก็จะได้รับเงินตอบแทนประมาณ 400,000 บาท

“ขอเน้นย้ำว่า สธ.ทำเต็มที่อย่างไรก็ต้องเดินคู่กันไปกับประชาชน หากท่านเป็นผู้ติดเชื้อ ต้องคิดให้ได้ว่าขอให้เชื้อไวรัสโควิดนั้นอยู่กับท่าน อย่าเชื้อไปให้คนอื่น อย่าเอาไปให้ครอบครัว ขอให้อยู่ที่ท่านและทำการรักษาตัวจนหาย สถานการณ์นี้ก็จะคลี่คลาย และจะไม่มีผู้ติดเชื้อมากนัก” นายสาธิต กล่าว

เมื่อถามว่ามีการยกเลิกเทศกาลวันหยุดช่วงสงกรานต์แล้ว แต่ยังมีเทศกาลไหว้เจ้าที่จะมีผู้คนเดินทางจำนวนมากจะต้องออกมาตรการห้ามหรือไม่ นายสาธิต กล่าวว่า มาตรการของคณะรัฐมนตรี(ค.ร.ม.) จะลดความเสี่ยงด้วยการไม่ให้ประชาชนไปพบเจอกัน ไปสัมผัสกันแต่ว่าในแต่ละมาตรการ เช่น กรณีเลื่อนวันหยุดสงกรานต์ เพื่อไม่ให้มีการเดินทางกลับบ้านครั้งเดียวเหมือนที่เคยผ่านมา แต่ต้องยอมรับว่าไม่มีการออกกฎหมายห้ามไม่ให้เดินทาง สุดท้ายพอไม่มีวันหยุดก็อาจจะมีผู้เดินทางบ้างแต่อย่างน้อยที่สุด ก็สามารถลดจำนวนและลดการแพร่กระจายระบาดลงได้

 

“ยกเว้นกรณีมีการพบผู้ป่วยในลักษณะ Super spreader ในบางจังหวัด ก็อาจจะมีการงดเดินทางออกจากจังหวัด ซึ่งเป็นอำนาจของเจ้าพนักงานสามารถสั่งปิดเมืองได้ แต่ขณะนี้การเดินทางไปไหว้เชงเม้ง หากไปเป็นครอบครัวเล็กน้อย 4-5 คนอยู่ในที่อากาศถ่ายเทสะดวก ก็เป็นเรื่องที่ไม่น่ามีปัญหาอะไร” นายสาธิต กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image