เมื่อวันที่ 27 มีนาคม ที่กระทรวงแรงงาน นายดวงฤทธิ์ เบญจาธิกุล ชัยรุ่งเรือง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน เป็นประธานประชุมทางไกล (Video Conference) หารือร่วมกับผู้ประกอบการ จ.เชียงใหม่ ประกอบด้วย ประธานหอการค้า ผู้ประกอบการโรงแรม นายกสมาคมร้านอาหาร นายกสมาคมการโรงแรม มัคคุเทศก์ การท่องเที่ยว สมาคมรถตู้ และผู้แทนฝ่ายทรัพยากรบุคคลที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น ที่ได้รับผลกระทบจากการสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19
นายดวงฤทธิ์ เปิดเผยว่า จากการหารือร่วมกัน ผู้ประกอบการใน จ.เชียงใหม่ ที่ได้รับผลกระทบทำให้ภาคการท่องเที่ยวและโรมแรมซบเซาลงจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ได้ขอให้กระทรวงแรงงานช่วยเหลือในด้านการหาตำแหน่งงานว่างให้ลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบ การฝึกอาชีพ โดยเฉพาะการฝึกอบรมด้านช่างของผู้ประกอบการขนส่ง และการฝึกอบรมด้านภาษาจีน ภาษาเกาหลีและภาษารัสเซียให้แก่มัคคุเทศก์ นอกจากนี้ ยังต้องการฝึกอบรมด้านประวัติศาสตร์ รวมทั้งอาชีพขับรถตู้ รถแท็กซี่ ควรให้มีการพัฒนาทักษะหรือปลูกจิตสำนึกให้มีการบริการที่ดีแก่นักท่องเที่ยว รวมถึงต้องการให้วิชาชีพมัคคุเทศก์มีระบบประกันสังคมตามมาตรา 33 หรือมาตรา 39 อีกด้วย
นายดวงฤทธิ์ กล่าวถึงมาตรการของกระทรวงแรงงานในการเยียวยาช่วยเหลือตามที่ผู้ประกอบการใน จ.เชียงใหม่ ได้ขอความช่วยเหลือ โดยได้มอบหมายให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงานเข้าไปช่วยเหลือตามภารกิจ อาทิ กรมการจัดหางาน (กกจ.) ได้เตรียมตำแหน่งงานพาร์ทไทม์ ใน จ.เชียงใหม่ จำนวน 529 ตำแหน่ง จำนวน 13 บริษัท เพื่อให้ลูกจ้างได้ทำงานรายชั่วโมง และเป็นการลดค่าใช้จ่ายให้แก่นายจ้างสถานประกอบการ กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน (กพร.) โดยสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 19 เชียงใหม่ และสำนักงานพัฒนาฝีมือแรงงานจังหวัดลำพูน จัดหลักสูตรฝึกอบรมไม่ว่าจะเป็น Up – skill หรือ Re – skill เช่น ฝึกทักษะด้านภาษา จิตบริการ เป็นต้น สำนักงานประกันสังคม (สปส.) อยู่ระหว่างแก้ไขกฎหมายเพื่อเพิ่มสิทธิประโยชน์ให้กับผู้ประกันตนตามมาตรา 40 ที่ประกอบอาชีพอิสระ ได้มีสวัสดิการกรณีเจ็บป่วย กรณีทุพลภาพ หรือกรณีต้องพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล กรณีเสียชีวิต กรณีชราภาพมีเงินก้อนให้ รวมทั้งการให้การสงเคราะห์บุตร เป็นต้น และกรมสวัสดิการและคุ้มคุ้มครองแรงงาน (กสร.) ให้คำแนะนำสร้างความเข้าใจที่ดีระหว่างนายจ้างกับลูกจ้างตามระบบแรงงานสัมพันธ์แก่ผู้ประกอบการในพื้นที่อีกด้วย ทั้งนี้ สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่หน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงานในพื้นที่
หรือโทรสายด่วน 1506
