“ฝุ่นควัน” ภาคเหนือแย่ลงอีก “เชียงดาว” หนักสุด 320 มคก./ลบ.ม.
ฝุ่นควัน- วันที่ 5 เมษายน นายประลอง ดำรงค์ไทย อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เปิดเผยว่า สถานการณ์หมอกควันในพื้นที่ภาคเหนือ ในบริเวณภาคเหนือตอนบนเกิดแนวปะทะของลม ทำให้ จ.เชียงราย และ จ.เชียงใหม่ ยังคงมีการสะสมของฝุ่นละอองสูงอยู่ แต่อย่างไรก็ตามในบริเวณภาคเหนือตอนล่างสถานการณ์ฝุ่นละอองดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจากการคาดการณ์สภาพอุตุนิยมวิทยา บริเวณภาคเหนือ มีอากาศร้อน และอาจเกิดฝนฟ้าคะนองบางแห่ง โดยทิศทางลมตะวันตกเฉียงใต้ กำลังปานกลาง จะทำให้ช่วงบ่ายอากาศยกตัว และทำให้การระบายฝุ่นละอองในอากาศดีขึ้น
อธิบดี คพ.กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์ปริมาณ “ฝุ่นละออง PM2.5” เฉลี่ย 24 ชั่วโมง ใน 17 จังหวัดภาคเหนือ ณ เวลา 09.00 น. มีค่าระหว่าง 32 – 320 มคก./ลบ.ม.ทั้งนี้ จังหวัดภาคเหนือฝุ่นละออง PM2.5 ในภาพรวมส่วนใหญ่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเล็กน้อย และจังหวัดในภาคเหนือตอนล่าง มีค่าลดลงและไม่เกินมาตรฐาน (สีเขียว และเสียงเหลือง) 5 จังหวัด ได้แก่ จ.กำแพงเพชร จ.เพชรบูรณ์ จ.นครสวรรค์ จ.อุทัยธานี และ จ.พิษณุโลก ส่วน 9 จังหวัดภาคเหนือตอนบน ฝุ่นละออง PM2.5 อยู่ในระดับ สีแดง 4 จังหวัด ได้แก่ “เชียงราย เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน และน่าน ” และฝุ่นละอองอยู่ในระดับ สีส้ม 5 จังหวัด ได้แก่ ” จ.ลำพูน จ.แพร่ จ.พะเยา จ.ลำปาง และ จ.ตาก ” ค่า PM2.5 สูงสุดที่ “จ.เชียงใหม่ ( อ.เชียงดาว)” 320 มคก./ลบ.ม.
อธิบดี คพ .กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์ หมอกควันในประเทศเพื่อนบ้าน ใน สปป.ลาว และเมียนมา ยังมีจุดความร้อนจำนวนมาก ทำให้จังหวัดชายแดนของไทย โดยเฉพาะภาคเหนือตอนบน ยังคงได้รับผลกระทบจากหมอกควันข้ามแดน ซึ่ง กรมควบคุมมลพิษได้ประสานสำนักงานเลขาธิการอาเซียน ตามกลไกของข้อตกลงอาเซียนเรื่องมลพิษจากหมอกควันข้ามแดน โดย ได้จัดประชุมผ่านระบบ Video Conference กับประเทศเมียนมาร์และสปป.ลาว เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา และทุกวันที่ค่าสูงขึ้น ได้รายงานสถานการณ์เป็นประจำทุกวัน เพื่อให้ทุกประเทศรับทราบปัญหา และกำหนดมาตรการแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม และเน้นยำให้ประเทศเพื่อนบ้าน ช่วยควบคุมหมอกควัน
