“หมอชาญชัย” รายงานตัวที่ สธ. ยันบริสุทธิ์ใจ เป็นข้าราชการย้ายไปไหนก็ได้!

“หมอชาญชัย” รายงานตัวที่ สธ. ยันบริสุทธิ์ใจ เป็นข้าราชการย้ายไปไหนก็ได้!

เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน นพ.ชาญชัย จันทร์วรชัยกุล ผู้อำนวยการโรงพยาบาล (รพ.) ขอนแก่น เดินทางเข้ากระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เพื่อรายงานตัวตามคำสั่งโยกย้ายที่ นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัด สธ.ลงนาม ให้มาปฏิบัติหน้าที่ที่กองบริหารการสาธารณสุข พร้อมเข้ายื่นหนังสืออุทธรณ์คำสั่งตามสิทธิ์ หลังจากถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวนเรื่องรับเงินบริจาคบริษัทยาเข้ากองทุนพัฒนาโรงพยาบาล และมีพฤติกรรมขัดขวางการสอบสวนและข่มขู่พยาน

นพ.ชาญชัย กล่าวว่า ได้ยื่นหนังสือร้องเรียนถึง นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการ สธ. ตั้งแต่วันที่ 29 พฤษภาคม ก่อนจะมีคำสั่งเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน ให้ตนเข้ารับหน้าที่ในกองบริหารการสาธารณสุขในการดูแลผู้ป่วย หากรัฐมนตรีว่าการ สธ. ได้ให้โอกาสในการยื่นหลักฐาน ก็จะนำข้อมูลการเงินการบัญชี หลักฐานการเงิน รวมถึงข้อมูลทั้งหมดมายื่นให้ โดยคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงได้ไปนั้นไม่ครบ แต่ย้ำว่าเป็นข้อมูลเดิมที่มีอยู่แล้วที่ฝ่ายบัญชีได้ทำเพื่อตรวจสอบซึ่งกันและกัน

ส่วนเรื่องที่เพจเฟซบุ๊ก “ชมรมแพทย์ชนบท” เผยแพร่ข้อมูลการใช้เงินเพื่อไปต่างประเทศนั้น นพ.ชาญชัย กล่าวว่า เป็นข้อมูลที่ตนได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนที่ จ.ขอนแก่น เอง เป็นการเดินทางไปต่างประเทศด้วยเรื่องของ 1.การลงนามในสัญญากับประเทศญี่ปุ่นในการถ่ายทอดวิชาการ ปีแรกประชุมผ่านระบบวิดีโอทางไกล (Inter hospital conference) และปีต่อมาทางประเทศญี่ปุ่นได้เชิญนักวิชาการไปประชุมที่ต่างประเทศ โดยตนไม่ได้เดินทางไปด้วย 2.การเดินทางไปรับรางวัลที่ประเทศไต้หวัน ในการพัฒนาจนได้รับรางวัลระดับโลก โดยเป็นการวิจัยในมนุษย์ ซึ่งเป็น รพ.ศูนย์แห่งเดียวของ สธ.และประเทศไทยที่ได้รับการรับรองระดับเอเชีย-แปซิฟิก โดยผ่านจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์ที่มีคณะกรรมการเป็นนักวิจัยต่างชาติร่วมด้วย ครั้งนี้ตนเองได้เดินทางไปในฐานะ ผอ.รพ. ทั้งนี้เป็นการใช้เพื่อส่วนรวม เพื่อ รพ.ขอนแก่น โดยแท้

Advertisement

“การมีกองทุนจะช่วยพัฒนา 3 ด้าน คือ 1.พัฒนาอาคาร สถานที่เพื่ออำนวยต่อการบริการผู้ป่วย 2.ด้านครุภัณฑ์และเวชภัณฑ์การแพทย์ และ 3.ด้านพัฒนาบุคลากร ข้อมูลออกจากระบบของการเงินการบัญชีของ รพ. ไม่มีอะไรที่หมกเม็ด ผมโปร่งใส ตรวจสอบได้ ตอนนี้การบริจาคมี 3 อย่าง คือ 1.เงินสวัสดิการตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี 2.เงินบริจาคของ รพ.ขอนแก่น ซึ่งเป็นเงินบำรุงที่ลดหย่อยภาษีได้ 2 เท่า และ 3.เงินมูลนิธิ รพ.ขอนแก่น ที่ลดหย่อยภาษีได้ 1 เท่า” นพ.ชาญชัย กล่าว

นอกจากนี้ นพ.ชาญชัย กล่าวว่า เรื่องของเงินบริจาคขึ้นอยู่กับผู้บริจาคว่าจะบริจาคเข้ากองทุนใด รพ.ขอนแก่น โดยกองทุนของ รพ.ได้เปิดมาตั้งแต่เมื่อปี 2560 และตั้งระเบียบกองทุนฯ ในเดือนมิถุนายน 2561 เนื่องจากการรับบริจาคในโครงการ “ก้าวคนละก้าว” โดยศิลปิน ตูน บอดี้สแลม ที่ได้บริจาคให้แก่ รพ. ทั้งนี้มติของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่เสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) คือเดือนมีนาคม 2561

“กว่าเงินของโครงการก้าวคนละก้าวจะโอนมาถึง ก็ประมาณเดือนสิงหาคม และกว่าจะทำระเบียบการรับ-จ่าย การตั้งกรรมการ ทั้งนี้ กรรมการบริหาร รพ.เกรงว่าเงินที่บริจาคจากโครงการก้าวคนละก้าวกว่าร้อยล้าน จะเข้าไปปนกับเงินส่วนอื่น เราจึงยังไม่เอาเงินบริจาคเข้า แต่เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2561 เราปิดกองทุนทุกกอง เพื่อเข้าไปอยู่ในร่มของเงินบริจาค รพ.ขอนแก่น ทั้งหมด ดูให้ดีว่าผมมีเจตนาที่จะดำเนินการตามระเบียบอย่างเคร่งครัด อย่าได้คลางแคลงใจ เพราะระเบียบเหลื่อมกันเป็นช่วงเปลี่ยนผ่าน” นพ.ชาญชัย กล่าว

Advertisement

ในกรณีที่กล่าวอ้างว่าเป็นการเรียกรับผลประโยชน์นั้น นพ.ชาญชัย กล่าวว่า ไม่เคยเรียกรับผลประโยชน์ ซึ่งการเรียกรับผลประโยชน์คือการมีเงื่อนไข เช่น หากเขาไม่จ่าย เราจะไม่ซื้อยาเขา ย้ำว่าไม่มีเด็ดขาด การบริจาคและการจัดซื้อจัดจ้างเป็นคนละส่วนกัน และข้อมูลไม่ได้ตรงกัน ส่วนข้อมูลว่ามีการบริจาคสัมพันธ์กับยอดของการสั่งซื้อยา ขึ้นอยู่กับบริษัทว่าจะบริจาคเท่าไหร่ แต่ยืนยันว่าไม่ใช่การจัดซื้อจัดจ้างที่มีผลประโยชน์ต่างตอบแทนและไม่มีเงื่อนไขใดๆ

“จะซื้อหรือไม่ซื้อ ขึ้นอยู่กับการประมูล การสอบราคายาโดยตามระเบียบพัสดุโดยเภสัช และเป็นไปตามระเบียบของสำนักนายกฯ ตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้าง สามารถตรวจสอบได้ กองทุนนี้เราตั้งมาเพื่อการบริจาคใครจะบริจาคก็ได้ ความขาดแคลนของ รพ.ของสาธารณสุขเราเยอะ คุณตูน บอดี้สแลม ยังต้องวิ่งให้” นพ.ชาญชัย กล่าว

นพ.ชาญชัย กล่าวต่อไปว่า ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2561 รพ.ขอนแก่น ทำตามระเบียบหมดทุกอย่าง และกล้าท้าว่า รพ.ขอนแก่น อยู่ในระบบเรื่องของการรับบริจาคดีที่สุดในประเทศไทย โดยเรื่องของผลประโยชน์ต่างตอบแทนนั้น อธิบายได้ว่า รพ.ขอนแก่น สามารถซื้อยาทุกตัวของ รพ. ได้ราคาต่ำกว่าค่ามัธยฐาน ค่ากลางของประเทศ คือ ถูกกว่า รพ.อื่นๆ หมด และถูกที่สุดถึงร้อยละ 30

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ระบุว่ามีการซื้อยาถูกกว่าราคากลางร้อยละ 30 นพ.ชาญชัย กล่าวว่า มีหลักฐาน โดยส่วนที่ซื้อถูกลง ไม่ได้สัมพันธ์กับเงินบริจาค เพราะเงินบริจาคจะเป็นสิ่งที่เขาบริจาคเอง ทั้งที่การจัดซื้อยาราคาถูกอยู่แล้วไม่เกี่ยวกัน รพ.ไม่ได้เรียกร้องว่าถ้าไม่ให้แล้วไม่ซื้อยา ไม่มีในส่วนนี้ และหลายบริษัทที่ไม่ได้บริจาคแม้แต่บาท แต่ก็ได้ขายยาให้ รพ.ถึง 200-300 ล้านบาท เพราะชนะประมูล

เมื่อถามต่อว่าเงินส่วนที่จัดซื้อยาได้ถูกลงสัมพันธ์กับเงินที่บริจาคหรือไม่ นพ.ชาญชัย กล่าวว่า ไม่ งบประมาณของบริษัทแตกต่างกัน ส่วนใหญ่เข้าใจว่าบริษัทมีงบประมาณอยู่ร้อยละ 5 แต่ตรงนี้ไม่รู้ บางบริษัทอาจจะมีน้อยหรือมากกว่านี้ ขึ้นกับนโยบายของบริษัท และราคายาที่ต่อรองลดลงได้มากกว่าร้อยละ 5 อีก การต่อรองราคาถูกลงช่วยให้รพ.ประหยัดได้ 100 ล้านบาท ภายในปีเดียว มีหลักฐานทางเภสัช 3 -5 ปีย้อนหลัง

“โดยซื้อถูกที่สุดในประเทศร้อยละ 30 หมายถึงยา 100 ตัว ซื้อถูกกว่า 30 ตัว นอกจากนั้น รพ.ขอนแก่น ได้ซื้อยาร่วมระดับเขต คือ ร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์ สารคาม ซื้อยาตามเรา ราคากลางของเรา ซึ่งเป็นที่ชัดเจนว่าเราไม่ได้เรียกรับผลประโยชน์แต่อย่างใด เท่าที่ผมมาปฏิบัติราชการที่นี่ราคายาถูกลงเรื่อยๆ เนื่องจากเราเปิดโอกาสให้แข่งขันอย่างเป็นธรรม โดยในบางครั้งแพทย์อยากใช้ยานำเข้า แต่จะต้องดูเศรษฐสถานะของเราด้วย ผมมา รพ.ติดลบ 300 ล้านบาท จะไปซื้อยาแพงได้ยังไง เราก็คุยกับแพทย์ว่าสามารถใช้ยาตัวใดที่ทดแทนกันได้บ้างและราคาถูกกว่า ทั้งเป็นการส่งเสริมคนไทย จนยาคนไทยเข้ามามากมาย” นพ.ชาญชัย กล่าว

นพ.ชาญชัย กล่าวว่า ส่วนการฟ้องกลับกำลังหารืออยู่ แต่ในวันนี้มาเพื่ออุทธรณ์คำสั่งของปลัด สธ. ตามสิทธิ์ และในวันที่ 8 มิถุนายนนี้ จะไปยื่นขอความเป็นธรรมต่อคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม (กพค.) ส่วนข้อหาที่กล่าวว่ามีการฉ้อราษฎร์บังหลวงและข่มขู่พยานนั้น ตนไม่ได้ข่มขู่ใคร และคิดว่าข้อหานั้นแรงเกินไป เนื่องจากตนไม่เคยเอาเงินเข้าส่วนตัวแม้แต่บาทเดียว และกองทุนของ รพ.ขอนแก่น อยู่ในร่มของระเบียบของเงินสวัสดิการตามระเบียบสำนักนายกฯ กองทุนอื่นใดให้ถือใช้ตามระเบียบฯ นี้

เมื่อถามว่ามีการแต่งตั้ง นพ.เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ผอ.รพ.พระปกเกล้า จ.จันทบุรี รักษาราชการแทนนั้น มีความกังวลหรือไม่ นพ.ชาญชัย กล่าวว่า กลัวอย่างเดียวคือ กลัวว่าจะมีการสร้างหลักฐานเท็จ การที่มีการกลัวว่าตนจะทำลายหลักฐานหรือพยานข้อมูล ถามกลับได้หรือไม่ว่า อาจจะมีผู้ไม่หวังดีหาพยานและหลักฐานเท็จ ซึ่งตนก็มีความกังวลใจเช่นกัน

เมื่อถามว่า มีการแต่งตั้ง นพ.พิทักษ์พล บุญยมาลิก ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 11 เป็นประธานคณะกรรมการสอนสวนแทน นพ.สุเทพ เพชรมาก ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 6 ที่ขอถอนตัวนั้น มีความกังวลหรือไม่ นพ.ชาญชัย กล่าวว่า กังวล แต่มีหลักธรรมาภิบาลของกองวินัยอยู่ ต้องไปถามดูว่าทำไมถึงเลือกแต่งตั้งใครขึ้นมาด้วยเหตุผลใด

ถามต่อว่า มองอย่างไรที่มีการพยายามย้ายออกจาก รพ.ขอนแก่น ถึง 2 รอบ นพ.ชาญชัย กล่าวว่า ไม่กล้ามอง เป็นข้าราชการย้ายไปทำงานที่ไหนก็ได้

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image