สปสช.ส่งไม้ต่อ ตร.สอบเอาผิด “18 คลินิก” โกงเงิน เผยชื่อ 8 กก.เช็กข้อผิดพลาดระบบเบิกจ่าย
ความคืบหน้ากรณีตรวจพบความผิดปกติของคลินิกเอกชน 18 แห่ง ที่เปิดให้บริการผู้ป่วยที่ใช้สิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง) ในชื่อ “คลินิกชุมชนอบอุ่น” ซึ่งขึ้นทะเบียนเป็นหน่วยบริการของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) แต่มีการแจ้งข้อมูลการเบิกจ่ายเท็จเป็นเงินกว่า 70 ล้านบาทนั้น
เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ เลขาธิการและโฆษก สปสช. ให้สัมภาษณ์ว่า ล่าสุด เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม ได้ส่งข้อมูลและแจ้งความไว้ที่กองปราบปรามฯ ในข้อหา “ฉ้อโกงและนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จไปในระบบคอมพิวเตอร์” หลังจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเป็นผู้สอบสวนต่อ แต่อย่างไรก็ตาม ทาง สปสช.ได้จัดตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงขึ้นมาเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม เพื่อพิจารณารายละเอียดของปัญหาดังกล่าวอย่างเป็นระบบแล้ว ยังรวมถึงการพิจารณาระบบการตรวจสอบการเบิกจ่ายค่าบริการและคุณภาพบริการ เพื่อดูว่ามีจุดใดที่ต้องพัฒนาปรับปรุงเพิ่มเติม และจัดทำข้อเสนอแนะเพื่อพัฒนาการดำเนินงานต่อไป ซึ่งมีระยะเวลาดำเนินการภายใน 30 วัน
ทพ.อรรถพร กล่าวว่า สำหรับคณะกรรมการทั้ง 8 คน ประกอบด้วย 1.นายจิรวุสฐ์ สุขได้พึ่ง ผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย บอร์ด สปสช. เป็นประธาน 2.นพ.ณรงค์ศักดิ์ อังคะสุวพลา ประธานอนุกรรมการตรวจสอบ 3.รศ.จิราพร ลิ้มปานานนท์ นายกสภาเภสัชกรรม กก.บอร์ดหลักประกัน 4.ศ.นพ.เฉลิม หาญพาณิชย์ นายกสมาคมโรงพยาบาลเอกชน กก.บอร์ดหลักประกัน 5.ผศ.ภญ.ยุพดี ศิริสินสุข ผู้แทนภาคประชาชน กก.บอร์ดหลักประกัน 6.นายนิมิตร์ เทียนอุดม ผู้แทนภาคประชาชน กก.บอร์ดหลักประกัน 7.ผู้แทนปลัดกระทรวงสาธารณสุข และ 8.ผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
“สปสช.เพิ่มกติกาว่า อนุญาตให้ประชาชนที่จำเป็นต้องเข้ารับการรักษา สามารถไปยังคลินิกใดก็ได้ในระบบโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายและคลินิกนั้นๆ สามารถเบิกกับ สปสช.ได้ตามปกติ การทุจริตนี้ สปสช.เป็นผู้ตรวจสอบพบเอง ดังนั้น ระบบมีความแม่นยำอยู่พอสมควร หากมีการทุจริตก็สามารถจับได้อยู่แล้ว และลงโทษตามกฎหมาย ส่วนการบริการประชาชนนั้น ยืนยันว่าไม่กระทบ เราจะพยายามทำทุกอย่างไม่ให้กระทบต่อการเข้าถึงบริการของประชาชนแน่นอน” ทพ.อรรถพร กล่าว
ส่วนกรณีที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ระบุว่าจากการขยายผลสอบคลินิกชุมชนอบอุ่นในกรุงเทพมหานคร 86 แห่ง พบว่ามีการปลอมแปลงเอกสารการเบิกเงินจาก สปสช. แต่ไม่มีการดูแลประชาชนจริง จำนวน 63 แห่ง นั้น ทพ.อรรถพร กล่าวว่า สปสช.มีการตรวจสอบชั้นต้น โดยเริ่มต้นจาก 45 แห่ง ขยายอีก 63 แห่ง โดยใน 63 แห่งนี้ พบความผิดปกติ ทาง สปสช.จะส่งข้อมูลกลับไปยังคลินิก เพื่อให้ดำเนินการอุทธรณ์ เบื้องต้นในจำนวน 63 แห่งนี้ รวมมูลราคาเงินประมาณ 2 ล้านบาท
“เบื้องต้นจะให้ทางคลินิกอุทธรณ์มาและยื่นหลักฐานเพิ่มเติม เพื่อมาลบข้อที่เราสงสัย ซึ่งขณะนี้อยู่ในช่วงของการอุทธรณ์ หากอุทธรณ์มาแล้วมีเหตุเชื่อได้ว่าสิ่งที่ส่งมาเป็นข้อมูลข้อเท็จจริง ก็จบกันไป แต่หากเข้าข่ายการทุจริตก็จะมีการแจ้งความดำเนินคดี” ทพ.อรรถพร กล่าว
