สปสช.ส่งยาทางไปรษณีย์ 5 เดือน 1.44 แสนครั้ง ปี’64 บริการแบบคุมอุณหภูมิ

สปสช.ส่งยาทางไปรษณีย์ 5 เดือน ทะลุ 1.44 แสนครั้ง สปสช.ตั้งเป้า ปี’64 บริการแบบคุมอุณหภูมิ

วันนี้ (21 กันยายน 2563) ที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เป็นประธานพิธีลงนามบันทึกความร่วมมือ “โครงการพัฒนาระบบบริการจัดส่งยา เวชภัณฑ์ที่ไม่ใช่ยา และอุปกรณ์ทางการแพทย์ ทางไปรษณีย์ ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ” ระหว่าง สปสช. และ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด(ปณท)

นายอนุทิน กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19  โดยเฉพาะในช่วงที่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่จำนวนมาก ที่ทำให้การพัฒนาหลายด้านในประเทศต้องชะงักลง แต่ในด้านการแพทย์กลับมีการพัฒนาการให้บริการรูปแบบใหม่ที่ไม่เพียงแต่สอดรับกับสถานการณ์ แต่ยังเป็นการรองรับระบบบริการทางการแพทย์ในอนาคต “การจัดส่งยาให้ผู้ป่วยทางไปรษณีย์” เป็นหนึ่งในบริการใหม่ภายใต้ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าว กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ บัตรทอง สนับสนุนค่าใช้จ่ายในการจัดส่งยาให้กับโรงพยาบาล (รพ.) ในระบบ มีวัตถุประสงค์สำคัญเพื่อลดความเสี่ยงการติดเชื้อให้กับผู้ป่วยและลดความแออัดใน รพ. ในการจัดส่งยาให้กับผู้ป่วยโรคเรื้อรังรายเก่า เป็นการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรค โดยความร่วมมือกับบริษัท ไปรษณีย์ไทยฯ ในอัตราเหมาจ่ายจัดส่งทั่วประเทศ 50 บาทต่อกล่องต่อซอง

“เบื้องต้นการดำเนินการมีเป้าหมายสนับสนุนค่าบริการในระยะเวลา 3 เดือน เริ่มตั้งแต่เดือนเมษายน แต่ด้วย รพ.ต่างๆ และผู้ป่วยที่ให้การตอบรับจำนวนมาก เพียงเดือนแรกมีจำนวนบริการจัดส่งยาให้ผู้ป่วยทางไปรษณีย์ถึงเกือบ 30,000 ครั้ง ทำให้มีการขยายระยะเวลาของการสนับสนุนค่าบริการจัดส่งยาให้กับ รพ.ในระบบ ตลอดปี 2563 และเตรียมต่อเนื่องในปีงบประมาณ 2564 โดย บอร์ด สปสช.ได้จัดสรรงบประมาณในการสนับสนุนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นอกจากเป็นการเตรียมความพร้อมต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดซ้ำที่อาจเกิดขึ้นแล้ว ยังรองรับการสนับสนุนการจัดบริการระบบสาธารณสุขทางไกล (Telehealth / Telemedicine) ซึ่งขณะนี้มี รพ.หลายแห่งได้เริ่มให้บริการแล้ว” นายอนุทิน กล่าว

Advertisement

นายอนุทิน กล่าวอีกว่า ยาและผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์แตกต่างจากผลิตภัณฑ์อื่นทั่วไป มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อผู้ป่วยเพื่อใช้ในการรักษาโรค ทำให้การจัดส่งต้องดำเนินการอย่างเป็นมาตรฐานและถึงมือผู้ป่วยโดยเร็ว โครงการพัฒนาระบบบริการจัดส่งยาฯ จะนำไปสู่การพัฒนาการจัดส่งยาทางไปรษณีย์อย่างเป็นระบบยิ่งขึ้น มีมาตรฐานในทุกๆ ขั้นตอนของการจัดส่ง เพื่อให้ยาคงคุณภาพจนถึงมือผู้ป่วย ตั้งแต่การออกแบบบรรจุภัณฑ์ ควบคุมคุณภาพระบบการจัดส่ง และมีการจัดส่งที่เหมาะสม เป็นต้น โดยในอนาคตคาดการณ์ว่าจำนวนของการรับบริการส่งยาทางไปรษณีย์เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

นพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการ สปสช. กล่าวว่า ช่วง 5 เดือน การจัดส่งยาทางไปรษณีย์ถือว่าได้รับการตอบรับอย่างมากจาก รพ.และผู้ป่วย ข้อมูลดำเนินการล่าสุดจัดส่งยาทางไปรษณีย์ให้ผู้ป่วยสิทธิบัตรทองแล้ว 209 แห่ง ผู้ป่วยรับบริการจัดส่งยา 128,141 ราย และมีการจัดส่งยาให้ผู้ป่วย 144,306 ครั้ง รวมเบิกจ่ายสนับสนุนบริการ 7,214,352 บาท โดยที่ผ่านมา บริษัท ไปรษณีย์ไทยดิสทริบิวชั่น จำกัด (ปณท.ดบ.) มีบทบาทในการร่วมดูแลผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายในระบบ ในการจัดส่งน้ำยาล้างไตให้กับผู้ป่วยที่รักษาโดยการล้างไตผ่านช่องท้องในทุกพื้นที่ ช่วยลดภาระให้กับผู้ป่วยและ รพ.ในการขนส่งน้ำยาล้างไต

Advertisement

ด้านนายก่อกิจ ด่านชัยวิจิตร กรรมการผู้จัดการใหญ่ ปณท กล่าวว่า แม้ช่วงโควิด-19 ไปรษณีย์ไทยยังคงยังจัดส่งยาให้ผู้ป่วยอย่างต่อเนื่อง สำหรับแนวทางความร่วมมือในระยะต่อไปได้วางแผนพัฒนาการให้บริการจัดส่งยาในกลุ่มประเภทยาที่ต้องควบคุมอุณหภูมิ โดยออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสมสำหรับการจัดส่ง พร้อมระบบขนส่งพิเศษแยกจากระบบการจัดส่งปกติของไปรษณีย์ไทย โดยได้ร่วมมือกับ ปณท.ดบ. บริษัทลูก มาบริหารจัดการเรื่องการจัดส่งโดยใช้รถควบคุมอุณหภูมิ เพื่อควบคุมให้ยายังคงคุณภาพตลอดระยะทางการจัดส่งจนถึงมือผู้ป่วย ซึ่งภายในปี 2563 จะเริ่มทดลองให้บริการจัดส่งยาที่ต้องควบคุมอุณหภูมินำร่องระยะแรกในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล และจะพัฒนาบริการให้สามารถเปิดให้บริการในพื้นที่ต่างจังหวัดได้ในปี 2564

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image