คนไทยการ์ดตกเหลือ 50% อนุทิน นำทีมรณรงค์สวมหน้ากากอนามัยต่อเนื่อง

คนไทยการ์ดตกเหลือ 50% อนุทิน นำทีมรณรงค์สวมหน้ากากอนามัยต่อเนื่อง ยันสกัดโควิด-19 แถมเซฟงบ

เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน ที่ศูนย์การค้าสยามพารากอน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เป็นประธานเปิดกิจกรรม “รณรงค์ยกระดับมาตรฐานสวมหน้ากากป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19” โดยมี นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดสธ. และ นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย ผู้บริหาร สธ. และประชาชนเข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ด้วย

นายอนุทิน กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยสามารถควบคุมการระบาดของโควิด-19 ได้ดีจนเป็นที่ยอมรับของนานาชาติ แสดงถึงขีดความสามารถของระบบสาธารณสุขไทยในการรับมือต่อสู้กับวิกฤตการณ์โรคระบาด โดยมีศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการ ศบค. ที่มีบทบาทสำคัญยิ่งในการกำหนดนโยบายและมาตรการเร่งด่วนในการบริหารสถานการณ์ควบคู่กับการแนะนำของ สธ. ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

Advertisement

“วิกฤตดังกล่าวส่งผลต่อเศรษฐกิจของประเทศไทยอย่างมหาศาลโดยเฉพาะอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว รัฐบาลจึงมีมาตรการผ่อนคลายการเดินทางระหว่างประเทศเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยว สิ่งที่จะต้องดำเนินการอย่างแรก คือ การสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวและคนไทยในมาตรการและความปลอดภัยของระบบสาธารณสุข เพื่อให้ทุกคนมีความปลอดภัยจากการได้รับเชื้อ ดังนั้น เพื่อสนับสนุนมาตรการดังกล่าวให้สำเร็จ ทุกภาคส่วนทางรัฐบาล ภาคธุรกิจ ประชาชนจะต้องให้ความร่วมมือกัน เพื่อยืนยันว่าทุกฝ่ายมีการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ความปลอดภัยและสุขอนามัยตลอดเวลา และการสร้างความเชื่อมั่นให้กับประเทศ ก็เท่ากับเป็นการสื่อสารสร้างความไว้วางใจให้กับนักท่องเที่ยวในต่างประเทศเป็นวงกว้างด้วย” นายอนุทิน กล่าว

นายอนุทิน กล่าว การที่ประชาชนสวมหน้ากากอนามัยถึงร้อยละ 90 ผลคือ ทุกคนและประเทศไทยได้รับความปลอดภัย โดยหากคนไทยไม่สวมหน้ากากอนามัย คาดว่าจะมีการติดโควิด-19 ในประเทศสูงกว่าหมื่นราย โดยค่าใช้จ่ายในการรักษาผู้ป่วยที่ติดเชื้ออาการปานกลางไปจนถึงรุนแรงเฉลี่ยรายละ 1 ล้านบาท ซึ่งการที่ทุกคนสวมหน้ากาก ลดการติดเชื้อ ก็เป็นการช่วยเหลือประเทศชาติได้อย่างมหาศาล และ ทำให้ประเทศเราเป็นที่ที่มีความเชื่อมั่นต่อคนในประเทศและชาวต่างชาติทั่วโลก ได้รับการยกย่องให้เป็นแบบอย่างที่ดี

Advertisement

“แต่ที่สำคัญที่สุดคือ เราได้ดูแลตัวเองและดูแลคนที่เรารักอย่างมีประสิทธิภาพ ตอนนี้วัคซีนที่ฉีดเข้าตัวยังไม่มี ดังนั้นวัคซีนที่ดีที่สุดคือการสวมหน้ากากอนามัย อย่างไรก็ตามขณะนี้คนไทยสวมหน้ากากลดลงจากกว่าร้อยละ 90 เหลือเพียงร้อยละ 50 จึงต้องมีการกระตุ้นให้ทุกคนตระหนักและหันกลับมาสวมหน้ากากอนามัยให้มากขึ้น” นายอนุทิน กล่าว

นพ.เกียรติภูมิ กล่าวว่า จากผลการสำรวจอนามัยโพล เรื่องพฤติกรรมการป้องกันตัวเองของประชาชนทั่วไป ในช่วงแรกของการระบาดประชาชนสวมหน้ากากเป็นประจำมากกว่าร้อยละ 90 แต่ผลสำรวจล่าสุดเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน ประชาชนจำนวน 12,842 ราย สวมหน้ากากลดลง โดยสวมหน้ากากเป็นประจำร้อยละ 85 สวมหน้ากากตลอดเวลาในห้างสรรพสินค้าร้อยละ 77 แต่ในสนามกีฬา สวนสาธารณะ และสถานที่ท่องเที่ยวสวมหน้ากากตลอดเวลาเหลือเพียงร้อยละ 52-54 เท่านั้น จึงต้องยกระดับมาตรฐานและแนวปฏิบัติด้านสุขอนามัย เสริมสร้างความรู้ ความตระหนักและความเข้าใจในการดูแลตนเองของประชาชน ผู้ประกอบการ ร้านค้า และนักท่องเที่ยว เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ และสร้างกระแสให้ทุกคนตื่นตัวตลอดถึงความสำคัญของหน้ากากอนามัยเว้นระยะห่างและล้างมืออย่างเคร่งครัด

ทั้งนี้ ภายในงาน นายอนุทิน มอบรางวันเชิดชูเกียรติ ให้แก่ 4 หน่วยงาน ที่ได้รับมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัยเพื่อนักท่องเที่ยว SHA ดังนี้ 1.บริษัท ซีพีออลล์ จํากัด (มหาชน) 2.สยามพิวรรธน์ บจก. 3.บริษัทเซ็นทรัลพัฒนา จำกัด และ 4.บริษัทเดอะมอลล์กรุ๊ป จำกัด พร้อมร่วมเดินขบวนรณรงค์การสวมหน้ากากอนามัยทั้งชนิดทางการแพทย์และชนิดผ้า รวมถึงการล้างมือ ด้วยเจลแอลกอฮอล์และเว้นระยะห่างทางสังคม เพื่อกระตุ้นความตระหนักแก่ประชาชนในการป้องกันตนเองจากโควิด-19

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image