เมื่อวันที่ 24 มกราคม นายมานะ เพิ่มพูน หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน กล่าวว่า จากการบินสำรวจสภาพป่าประจำปีของอุทยานฯ ในวันนี้ พบว่าบริเวณเหนือหมู่บ้านบางกลอยขึ้นไปประมาณ 8 กิโลเมตร ในพื้นที่บ้านบางกลอยบนมีร่องรอยการตัดไม้และถางป่า เป็นไม้ไผ่กับไม้ยืนต้นบริเวณ 2 ฝั่งของแม่น้ำบางกลอย จำนวน 10 จุด มีเนื้อที่ประมาณ 20 ไร่เศษ ต้องเข้าไปตรวจสอบดูอีกครั้งว่ามีขนาดพื้นที่จริงเท่าไร ในพื้นที่ใจแผ่นดิน ต้องรอผลสำรวจภาคพื้นดินอีก 1 จุด จากการขนส่งกำลังเจ้าหน้าที่ทางอากาศจะไปรับกลับในช่วงบ่ายวันนี้โดยเน้นย้ำมาตรการด้านความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานเป็นสิ่งสำคัญที่สุด
นายมานะระบุว่า ในพื้นที่ใจแผ่นดินมีการพบการแผ้วถางป่าตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2563 และทำการสำรวจอีกครั้งในช่วงเดือนธันวาคม 2563 ในภารกิจโปรยเมล็ดพันธุ์ไม้เพื่อฟื้นฟูป่าในพื้นที่เหนือเขื่อนแก่งกระจาน พบการบุกรุกพื้นที่ป่า รวม 4 จุด จึงมีการส่งกำลังภาคพื้นดินเข้าไปในพื้นที่
นายมานะกล่าวว่า ส่วนที่พบ 10 จุด ลักษณะการแผ้วถางในครั้งนี้พบว่าเพิ่งแผ้วถางในระยะเวลา 1 สัปดาห์ จากการตรวจสอบพบว่าบางจุดเพิ่งถางในเวลา 1-2 วันนี้ ระหว่างทางพบเห็นชาวบ้านล่องแพลงมา 2 คน คาดว่าเมื่อพบเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบก็มีการลงมาพื้นล่างแล้ว
นายมานะกล่าวว่า มาตรการต่อไปเมื่อพบว่ามีการบุกรุกแผ้วถางป่า จะดำเนินการในขั้นตอนประชาสัมพันธ์พูดคุยกับชุมชนเพื่อสร้างความเข้าใจ เข้าตรวจสอบยืนยันพื้นที่ตามหลัก พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ 2562 เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวไม่ได้อยู่ในขอบเขตที่ทางราชการอนุญาตให้อยู่ คนที่จะอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติได้ต้องอยู่ภายใต้ พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2562 มาตรา 64 ระบุว่าการจัดทำแผนที่รูปขอบเขตที่ดิน การถือครองที่เป็นปัจจุบัน ทำรายละเอียดข้อมูลประชากร อาชีพ พื้นฐานรายได้ว่าเป็นบุคคลยากไร้ หรือร่ำรวย ถ้าเป็นคนต่างถิ่นก็ไม่ได้รับสิทธิ
นายมานะกล่าวว่า ได้ดำเนินการไปแล้วที่บ้านโป่งลึก-บางกลอย สถานที่ใกล้เคียงที่เกิดเหตุ มีชุมชนได้รับการตรวจสอบที่ดินแล้วประมาณ 1,000 ไร่ เพื่อยืนยันว่าเขาอยู่ได้ในพื้นที่นั้น มีการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิต มีระบบน้ำ ระบบโซลาร์เซลล์ในหมู่บ้าน มีบ่อเก็บกักน้ำและระบายน้ำสู่พื้นที่เกษตร มีการปลูกพืชเกษตร อาทิ กล้วย ทุเรียน ผลไม้ แปลงนา ที่มีการพัฒนาคุณภาพชีวิตทั้งเรื่องความเป็นอยู่ การศึกษา สาธารณสุข การคมนาคม รายได้ และอาชีพ มาโดยตลอด
นอกจากนี้ นายมานะตั้งข้อสงสัยว่า อาจเป็นคนนอกพื้นที่กลับขึ้นไปถือครอบครอง เป็นบุคคลอื่นมาปะปนในช่วงหลัง หรือเป็นบุคคลหลบหนีเข้าเมือง ต้องมีการตรวจสอบต่อไป ด้วยขั้นตอนการพูดคุย ตรวจสอบที่ดิน การป้องกันรักษาพื้นที่ไม่ให้มีการบุกรุกแผ้วถางป่าเพิ่ม ดูแลเรื่องสัตว์ป่า เพราะพื้นที่เหนือหมู่บ้านขึ้นไปคือด่านสัตว์อ้อมมาจากป่าอีกหย่อมหนึ่งที่อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติไทยประจัน ลงมาทางอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ต้นน้ำห้วยแม่ประโดนแล้วข้ามสันปันน้ำมาที่แม่น้ำบางกลอย ตัดเข้าพะเนินทุ่ง ซึ่งพบร่องรอยของเสือโคร่งที่ถูกบันทึกใหม่เป็นตัวผู้เข้ามาใช้พื้นที่ร่วมกับตัวเมีย
“จากการตรวจสอบพบเป็นตัวเดียวกับที่น้ำตกห้วยยาง พบรอยเท้าเดินขึ้นมาที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรี ข้อมูลจากประเทศเพื่อนบ้านได้ภาพเสือโคร่งตัวดังกล่าว เทียบภาพถ่ายกันแล้วพบว่าเป็นตัวเดียวกัน จึงต้องให้ความสำคัญต่อการอนุรักษ์ผืนป่าขนาดใหญ่ การลดปัจจัยอุปสรรคเพื่อให้สัตว์สามารถเดินไปมาหาสู่กันได้
“หากมีการบุกรุกคั่นกลางระหว่างพื้นที่อาศัยของสัตว์ เป็นความเสี่ยงถูกล่าโดยบังเอิญหรือตั้งใจได้ เพราะเป็นความหวังในการฟื้นฟูสภาพประชากรเสือโคร่งได้ และล่าสุดยังพบจระเข้ตัวใหม่ในรอบ 10 ปี ในพื้นที่ป่าอยู่เหนือบ้านบางกลอยไปไม่ไกลด้วย” นายมานะกล่าว
อ่านข่าว : นักอนุรักษ์เฮ! กล้องดักถ่ายอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานพบจระเข้สายพันธุ์ไทยใกล้สูญพันธุ์
ส่วนกลุ่มคนที่บุกรุกแผ้วถางป่า นายมานะระบุว่า ยังไม่ทราบจำนวนคนและระดับความต้องการ จึงจะต้องมีการเข้าไปตรวจสอบอีกครั้ง ซึ่งลักษณะการแผ้วถางเพื่อทำประโยชน์ในแปลงตรวจยึดเดิมพบการยกกระท่อม ปลูกพืชผล และพบการปลูกสัปปะรดเหนือต้นน้ำ ซึ่งไม่ใช่วิถีท้องถิ่น
นายมานะกล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ยังมีการล่าสัตว์พบซากเลียงผา ปลูกข้าวไร่ประมาณ 3 ไร่ ภายในกระท่อมมีอาวุธปืนสำหรับล่าสัตว์ ในอีกแปลงรอผลการตรวจสอบภาคพื้นเพื่อพิสูจน์ว่าเป็นการบุกรุกภายในราชอาณาจักรไทย หรือมาจากประเทศเพื่อนบ้าน
“ขั้นตอนการปฏิบัติ เมื่อพบเห็นการยึดถือครอบครอง การตัดไม้ทำลายป่า ต้องดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ไม่อาจละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ได้ แต่เรื่องนี้เข้าใจดีว่าจะต้องพูดคุยทำความเข้าใจกับชาวบ้านเป็นสำคัญด้วย” นายมานะกล่าว
