ผู้ประกันตนเฮ! ครม.ไฟเขียวลดเงินสมทบ 2 เดือน แรงงานต่างด้าวอยู่ต่ออีก 6 เดือน

ผู้ประกันเฮตน! ครม.ไฟเขียวลดเงินสมทบ 2 เดือน แรงงานต่างด้าวอยู่ต่ออีก 6 เดือน

เมื่อวันที่ 26 มกราคม นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติพิจารณาเห็นชอบตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ เรื่อง ให้แก้ไขกฎกระทรวงกำหนดอัตราเงินสมทบกองทุนประกันสังคม พ.ศ.2563 โดยเงินสมทบงวดเดือนกุมภาพันธ์ – มีนาคม 2564 ให้จัดเก็บเงินสมทบฝ่ายนายจ้างในอัตราร้อยละ 3 ของค่าจ้างผู้ประกันตน ผู้ประกันตนตามมาตรา 33 จัดเก็บในอัตราร้อยละ 0.5 ของค่าจ้างผู้ประกันตน และสำหรับผู้ประกันตนตามมาตรา 39 จัดเก็บในอัตราเดือนละ 38 บาท สำหรับรัฐบาลส่งเงินสมทบอัตราเดิม ร้อยละ 2.75 ของค่าจ้างผู้ประกันตน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ประกันตนซึ่งได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19

นายสุชาติ กล่าวว่า การลดอัตราเงินสมทบของผู้ประกันตนในครั้งนี้ จะมีผลทำให้ผู้ประกันตนตามมาตรา 33 จ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมลดลงจากร้อยละ 3 ของค่าจ้างผู้ประกันตน เหลือร้อยละ 0.5 ของค่าจ้างผู้ประกันตน และผู้ประกันตนตามมาตรา 39 จ่ายเงินสมทบลดลงจากในอัตราเดือนละ 278 บาท เหลือในอัตราเดือนละ 38 บาท โดยให้เริ่มมีผลตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์–มีนาคม 2564

นอกจากนี้ นายสุชาติ กล่าวว่า ที่ประชุม ครม.ยังเห็นชอบตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ เรื่อง ทบทวนแนวทางการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว ในช่วงโควิด-19 ระลอกใหม่ และการบริหารจัดการผู้ต้องกักโดยกลุ่มเป้าหมายที่จะต้องบริหารจัดการ รวมทั้งสิ้น 2,335,671 คน ดังนี้ 1.กลุ่มที่ถือบัตรสีชมพู จำนวน 1,400,387 คน ประกอบด้วย 1.1 กลุ่มแรงงานต่างด้าวตามมติครม.วันที่ 20 สิงหาคม 2562 จำนวน 1,162,443 คน ขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสุขภาพและขอต่อวีซ่า (Visa) ครั้งที่ 2 ภายในวันที่ 31 มีนาคม 2564 ให้ขยายระยะเวลาการตรวจสุขภาพ และขอต่อวีซ่าออกไปอีก 6 เดือน ถึงวันที่ 30 กันยายน 2564 1.2 กลุ่มแรงงานต่างด้าวตามมติ ครม. วันที่ 4 สิงหาคม 2563 จำนวน 237,944 คน ขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสุขภาพและขอต่อวีซ่า ครั้งที่ 1 ภายในวันที่ 31 มีนาคม 2564 ให้ขยายระยะเวลาการตรวจสุขภาพ และขอต่อวีซ่าออกไปอีก 6 เดือน ถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2564

2.กลุ่มแรงงานต่างด้าวตามเอ็มโอยู (MOU) จำนวน 434,784 คน ประกอบด้วย 2.1 กลุ่มแรงงานต่างด้าวตามมติ ครม.วันที่ 10 พฤศจิกายน 2563 มีจำนวน 119,094 คน และ 2.2 กลุ่มแรงงานต่างด้าวตามเอ็มโอยู ที่วาระการจ้างงานครบ 2 ปี 315,690 คน ทั้งสองกลุ่มอยู่ระหว่างตรวจสุขภาพและขอต่อวีซ่า จึงขอขยายระยะเวลาการตรวจสุขภาพ และขอต่อวีซ่าออกไปอีก 6 เดือน ซึ่งกลุ่มนี้ทยอยครบกำหนด โดยสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2565

Advertisement

3.กลุ่มแรงงานต่างด้าวตามมติ ครม. วันที่ 29 ธันวาคม 2563 ซึ่งอยู่ระหว่างยื่นลงทะเบียน คาดว่ามีจำนวนประมาณ 500,000 คน ดังนั้น จึงเสนอให้มีการจัดเก็บข้อมูลอัตลักษณ์บุคคล (Biometrics) เพื่อการพิสูจน์ตัวตนของคนต่างด้าว และความมั่นคงของประเทศ ในช่วงเวลาเดียวกับที่ตรวจโควิด–19 ภายในวันที่ 16 เมษายน 2564 และให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ส่งข้อมูลคนต่างด้าวที่ได้จัดเก็บอัตลักษณ์บุคคล (Biometrics) แล้ว เพื่อให้กรมการจัดหางานออกใบอนุญาตทำงาน สำหรับการตรวจโควิด-19 ให้สถานพยาบาลเอกชนที่ได้รับการรับรองร่วมตรวจ เนื่องจากรัฐบาลมีนโยบายในการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่างเร่งด่วน และสถานพยาบาลของรัฐอาจมีจำนวนไม่เพียงพอสำหรับการตรวจภายในวันที่ 16 เมษายน 2564 ทั้งนี้ อัตราค่าตรวจโควิด-19 เป็นไปตามที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์กำหนด ราคาไม่เกิน 2,300 บาท

4.กลุ่มผู้ต้องกักที่เป็นคนต่างด้าว 3 สัญชาติ (กัมพูชา ลาว และเมียนมา) มีจำนวนประมาณ 500 คน ปัจจุบันอยู่ระหว่างรอการส่งกลับ เนื่องจากประเทศต้นทางจำกัดจำนวนการรับคนต่างด้าวกลับประเทศ และปัจจุบันมีมาตรการห้ามการเคลื่อนย้ายแรงงานข้ามเขตจังหวัด ทำให้รัฐบาลต้องใช้งบประมาณในการดูแลผู้ต้องกักที่รอการส่งกลับ ประมาณเดือนละ 2 ล้านบาท จึงขอความเห็นชอบให้ผู้ต้องกักสามารถทำงานกรรมกรและงานบ้านได้ จนถึงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2566 เมื่อครบกำหนดเวลาแล้วต้องส่งกลับประเทศต่อไป

และ 5.ให้กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงแรงงาน ออกประกาศกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการที่กล่าวมาข้างต้น

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image