ชัยวัฒน์ เปิดคลิป แฉ ป่าโป่งลึกไม่ใช่ไร่หมุนเวียน ชาวบางกลอยยกระดับไปหน้าทำเนียบ ขอกลับ ใจแผ่นดิน(ชมคลิป)

ชัยวัฒน์ เปิดคลิป แฉ ป่าโป่งลึก บางกลอยถูกทำลาย ยัน ไม่ใช่ไร่หมุนเวียน ชาวบ้านยกระดับ กดดันรัฐบาล ชุมนุมหน้าทำเนียบ 15 ก.พ. ขอกลับไปทำกินใจแผ่นดิน

วันที่ 5 กุมภาพันธ์ นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 (อุดรธานี) กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม และอดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ได้ทำหนังสือถึงผู้บริหาร ทส.เพื่อชี้แจง และให้ข้อมูล กรณีที่กลุ่มชาติพันธุ์ เรียกร้องขอกลับเข้าไปในพื้นที่บ้านโป่งลึกบางกลอย เขตอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน โดยกรมอุทยานไม่ยอมให้กลับเข้าไป เพราะบริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่ไข่แดงของป่า และค่อนข้างอ่อนไหว เพราะ มีพรมแดนติดกับประเทศเมียนมา อีกด้วยนั้น โดยเวลานี้ กลุ่มชาติพันธุ์ ได้มาชุมนุมที่หน้า กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซอยอารย์ เพื่อเรียกร้องกดดันให้นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีทส. อนุญาตให้กลับไปในพื้นที่ดังกล่าว

 

 

Advertisement

โดยนายชัยวัฒน์ ได้ระบุในหนังสือชี้แจงว่า ตนทำหน้าที่ ปี 2551-2557 รวม 6 ปี พบเห็นอะไรบ้าง และ เจออะไรบ้าง โดยก่อนหน้านี้ไม่เคยได้มีโอกาส ออกมาชี้แจง และการชี้แจงหรือพูดแบบ ไม่มีหลักฐาน ข้าพเจ้านั้นไม่อยาก อธิบายเพราะ เป็นข้าราชการพูดอธิบายอะไร ต้องมีหลักฐาน แต่คณะกรรมการสิทธิ์ฯ องค์กรอิสระต่างๆ พูดได้แบบไม่ต้องมีหลักฐาน และสื่อฯ บางสื่อ เขียนข่าวทั้งที่ นั่งอยู่บนเก้าอี้ หรือ พวกองค์กรนี้ช่วยเหลือเพื่อประโยชน์อะไร ทั้งนี้ นายชัยวัฒน์ ได้ส่ง คลิปวิดีโอ ซึ่งถ่ายเอาไว้เมื่อปี 2556 ที่แสดงให้เห็นว่า ผืนป่าบริเวณโป่งลึก บางกลอยถูกโค่นเผาทำลาย ซึ่งลักษณะดังกล่าว ไม่ใช่การทำไร่หมุนเวียน ที่กลุ่มชาติพันธุ์กล่าวอ้างแต่อย่างใด

Advertisement

วันเดียวกัน ชมรมอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเพชรบุรี, เครือข่าย อสม.จังหวัดเพชรบุรี, กลุ่มคนเพชรรักษ์ป่า และกลุ่มคนรักเขากระทิง ได้ร่วมกันยืนหนังสือนำเรียนต่อ ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี เรื่อง ขอให้เจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยหนังสือ ระบุว่า

สืบเนื่องจาก อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ได้ออกตรวจลาดตระเวนบริเวณพื้นที่บ้านบางกลอยและใจแผ่นดิน ซึ่งพบการประทำผิดเกี่ยวกับป่าไม้ ดังนี้ 1. วันที่ 16 มกราคม 2564 บริเวณป่าห้วยผาใหญ่ พบเพิงพัก ตรวจสอบภายในเพิงพัก พบซากสัตว์ป่า และมีการปลูกพืชผลอาสิน 2. วันที่ 20 มกราคม 2564 บริเวณป่าห้วยผึ้ง พบบ้านหนึ่งหลักปลูกอำพรางอยู่ภายใต้ต้นไม้ใหญ่ ตรวจสอบภายในบ้าน พบ อาวุธปืนแก๊ป 1 กระบอก พร้อมฉางเก็บข้าวเปลือก และในบริเวณพื้นที่ใกล้เคียง พบแปลงบุกรุก จำนวน 1 แปลง เนื้อที่ 3-2-52 ไร่ 3. วันที่ 23-24 มกราคม 2564 อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จึงได้บูรณาการสนธิกำลังบินตรวจสภาพป่า ประจำปี 2564 พร้อมส่งกำลังพลเข้าพื้นที่เป้าหมาย บริเวณพื้นที่ป่าใจแผ่นดิน พบพื้นที่บุกรุกโล่งเตียน มีร่องรอยการปลูกข้าว พริก ยาสูบ ที่เก็บผลผลิตไปแล้ว เนื้อที่ 10 ไร่ และพบเพิงพักร้าง 3 หลัง บริเวณป่าบางกลอย เนื้อหมู่บ้านโป่งลึก-บางกลอยพบ พื้นที่จำนวนกว่า 10 จุด ถูกแผ้วถางป่าใหม่ ใบยังเขียว ยังไม่มีการเก็บริบสุมเผา เนื้อที่กว่า 34 ไร่ ทั้งนี้ ได้ทำบันทึกตรวจยึดจับกุมพื้นที่ที่พบการกระทำผิด นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.แก่งกระจาน

ท้ายหนังสือ ตัวแทนกลุ่มองค์กรและชมรมอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเพชรบุรี ยื่นหนังสือฉบับนี้ เพื่อแสดงเจตจำนงให้เจ้าหน้าที่รัฐซึ่งมีหน้าที่ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง บังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดและขอให้กำลังใจต่อเจ้าหน้าที่ทุกส่วนที่ได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างทุ่มเทและเสี่ยงภัย เพื่อรักษาทรัพยากรของชาติอันเป็นสมบัติของคนไทยทั้งประเทศ ลงนามโดย น.ส.สุมล สุตะวิระยะวัฒน์ ประธานชมรมอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเพชรบุรี นายนิวัฒน์ มั่นหมาย ประธานเครือข่าย อสม.จังหวัดเพชรบุรี นางอุไร เหลือเอก กลุ่มคนเพชรรักษ์ป่า นายสงคราม เสนะโลหิต กลุ่มคนรักเขากระทิง

 

 

เมื่อเวลาประมาณ 12.00 น. นายจำนง หนูพันธ์ ประธานขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรมหรือพีมูฟ ได้แถลงบริเวณหน้าทส.ว่า ขณะนี้เลยเวลามาเกือบ 1 ชั่วโมง หลังจากเราให้นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทส. มาพบเพื่อหาข้อยุติให้ชาวกะเหรี่ยงบางกลอย ซึ่งขณะนี้เราโดนโจมตีว่าการทำไร่หมุนเวียนเป็นการถางป่า แต่จริงๆ แล้วการทำไร่หมุนเวียน เป็นการเพิ่มคุณค่าและสารอาหารให้กับดิน และเป็นวิถีดั้งเดิมของชาวบ้าน ซึ่งรัฐบาลเคยบอกว่าจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ตอนนี้เราจะคอยดูว่ารัฐบาลจะทิ้งชาวบ้านบางกลอยไว้ข้างหลังหรือไม่ จะโดนให้สูญหายไปจากประเทศหรือไม่

“อยากให้นายวราวุธ คนที่บอกว่าให้เรียกตนเองว่าลูกท็อป จะทำอะไรให้แผ่นดินนี้ ผู้ที่กำกับดูแลพื้นที่อย่างกว้างขวาง และอยู่ภายใต้การดูแลของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ด้วย เราจะดูว่ารัฐมนตรีลูกท็อปจะแก้ปัญหาอย่างไร หากแก้ไม่ได้ก็ไม่สมควรเป็นรัฐมนตรีอีกต่อไป”

นายจำนง กล่าวอีกว่า เราเคยไปยื่นเรื่องที่สภา กรรมาธิการ เพื่อแก้ไขปัญหานี้ แต่ก็รอแล้วรอเล่าจนชาวบ้านต้องเสี่ยงกลับไปใจแผ่นดิน เพราะที่ดินที่รัฐจัดสรรให้มันปลูกพืชปลูกข้าวไม่ได้ ตอนนี้ทุกคนเดือดร้อนกันหมด อดอยากไม่มีกิน 40 ชีวิตที่ยังอยู่ใจแผ่นดินต้องถูกตัดขาดไม่มีอาหาร
จากนั้นกลุ่มชาวบ้านได้รวมตัวกันเพื่อเดินเข้าไปกระทรวงเพื่อขอเข้าพบตัวแทนกระทรวงทรัพยากรฯ หลังรอให้นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทส. มาเจรจาเพื่อหาความชัดเจน ซึ่งระหว่างเดินเข้าไปนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ปิดรั้วกระทรวงไม่ให้กลุ่มชาวบ้านเข้าไป รวมทั้งขัดขวางไม่ให้กลุ่มชาวบ้าน ซึ่งพยายามติดป้าย “Saveบางกลอย” และ “ชาติพันธุ์ ก็คือ คน” บริเวณหน้ากระทรวง แต่ถูกเจ้าหน้าที่ดึงป้ายลงมา จึงเกิดเหตุชุลมุนแย่งป้ายกันไปมา ขณะที่กลุ่มชาวบ้านได้ตะโกนว่า อย่าจับประชาชน และให้ปล่อยเพื่อนเรา สุดท้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้มีการจับกุมแต่อย่างใด เพียงแต่ขอความร่วมมือไม่ให้ติดป้ายดังกล่าวอีก

 

ต่อมานายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ หัวหน้าผู้ตรวจราชการทส. ได้ออกมาพบกับกลุ่มชาวบ้าน โดยกล่าวว่า ขณะนี้นายวราวุธ รับทราบเรื่องร้องเรียนของชาวบ้านแล้ว แต่วันนี้ติดภารกิจที่ต่างจังหวัดจึงไม่สามารถมาพบกับชาวบ้านได้ ซึ่งวันนี้ทางกระทรวงได้มีการร่วมประชุมกับกลุ่มชาวบ้านแล้ว ทั้งนี้กระทรวงยืนยันว่าจะทำให้ดีที่สุด และจะสรุปเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด

จากนั้นนายเฉลิมชัย วัดจัง ตัวแทนกลุ่มจับตาปัญหาที่ดิน ได้อ่านแถลงการณ์ประนามรัฐมนตรีที่ไม่แก้ปัญหา และนัดชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาล โดยระบุว่า วันนี้นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทส. พรรคชาติไทยพัฒนา ก็ไม่ได้ทำหน้าที่รัฐมนตรี อำนวยให้เกิดการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งดังกล่าว ทำเสมือนว่าปัญหาของประชาชน ไม่ใช่ปัญหาของตนเอง ปล่อยปะ ละเลย จนอาจจะนำไปสู่ปัญหาความขัดแย้งและความสูญเสียของประชาชนอีกครั้ง หากท่านมีหน้าที่ในการแก้ไขปัญหาประชาชน แต่ไม่อาจทำอะไรได้ การเป็นรัฐมนตรีของท่านก็ไม่มีความหมายต่อประชาชนอีกต่อไป

เราขอประกาศว่า เรามีความจำเป็นที่จะต้องยกระดับการเคลื่อนไหวของประชาชน กดดันผู้ที่มีอำนาจตัดสินใจให้แก้ไขปัญหของประชาชน ขอให้ประชาชนผู้เดือดร้อน รักความเป็นธรรมและเห็นด้วยกับเรา มาร่วมชุมนุมกดดันรัฐบาล หน้าทำเนียบรัฐบาล ในวันที่ 15 ก.พ. 64 ให้เกิดการแก้ไขปัญหา จนนำไปสู่การสนับสนุนให้พี่น้องบางกลอยได้กลับไปทำกินตามวิถีชีวิตใจแผ่นดิน ที่ดินบรรพบุรุษ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image