เอกชนสนใจปรุง 5 ตำรับยากัญชาแผนไทย อย.คาดอีก 1-2 เดือน ทยอยยื่นเอกสารขอผลิต

ยากัญชาแผนไทย
แฟ้มภาพ

เอกชนสนใจปรุง 5 ตำรับยากัญชาแผนไทย อย.คาดอีก 1-2 เดือน ทยอยยื่นเอกสารขอผลิต

เอกชนสนใจปรุง 5 ตำรับยากัญชาแผนไทย อย.คาดอีก 1-2 เดือน ทยอยยื่นเอกสารขอผลิตชี้เป็นเรื่องใหม่ต้องใช้เวลา ย้ำ! ประชาชนใช้ใบ-กิ่ง-ก้านประกอบอาหาร ทำได้ทันที ไม่ต้องผ่านอบรม แต่ต้องมาจากแหล่งถูก กม.

ความคืบหน้ากรณีการออกประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง กำหนดตำรับยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 ที่มีกัญชาปรุงผสมอยู่ที่ให้เสพเพื่อรักษาโรคหรือการศึกษาวิจัยได้ พ.ศ.2564 ปลดตำรับยากัญชาแผนไทย 5 ตำรับที่มีส่วนประกอบของใบและกิ่งก้านกัญชาจากบัญชีตำรับยาเสพติดให้โทษ ได้แก่ ยาศุขไสยาศน์ ยาแก้นอนไม่หลับ/ยาแก้ไข้ผอมเหลือง ยาแก้ลมแก้เส้น ยาทาริดสีดวงทวารหนักและโรคผิวหนัง และยาแก้โรคจิต โดยเปิดให้ภาคเอกชนสามารถยื่นขอผลิตยาดังกล่าวได้ที่กองผลิตภัณฑ์สมุนไพร สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ตั้งแต่วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2564 เป็นต้นไปนั้น

เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ ภญ.สุภัทรา บุญเสริม รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า จนถึงวันนี้ยังไม่มีเอกชนรายใดไปยื่นขอผลิตยาแผนไทยทั้ง 5 ตำรับ กับ อย.ทั้งนี้เนื่องจากทั้ง 5 ตำรับ ถือเป็นยาแผนโบราณ และมีส่วนผสมหลายตัว ที่ผ่านมา มีเพียงหน่วยงานภาครัฐ คือ หน่วยงานในสังกัดกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก องค์การเภสัชกรรม (อภ.) หรือโรงพยาบาลของรัฐ เท่านั้น ที่ผลิตได้ ดังนั้นจึงต้องให้เวลาภาคเอกชนที่มีโรงงานผลิตยาแผนโบราณได้เตรียมตัว เพื่อยื่นเอกสารขออนุญาตกับ อย.

“อย่างไรก็ตาม เท่าที่ทราบขณะนี้มีเอกชนหลายรายที่ให้ความสนใจ เพราะเขามีโรงงานผลิตยาแผนโบราณอื่นๆ อยู่แล้ว เพียงแต่ในการผลิตยาทั้ง 5 ตำรับนี้ ยังถือเป็นเรื่องใหม่ของภาคเอกชน จึงต้องให้เวลาเตรียมทั้งเรื่องข้อมูล เอกสาร และวัตถุดิบที่จะนำมาใช้ผลิต ทั้งนี้ ล่าสุด ได้มีการหารือกับนายกสมาคมผู้ผลิตยาแผนโบราณในเรื่องดังกล่าว ขณะนี้มีหลายเจ้าที่สนใจและเตรียมการในเรื่องนี้ คาดว่าในช่วง 1-2 เดือนนี้ จะมีเข้ามายื่นขอกับ อย.แน่นอน และภายในปีนี้น่าจะมียาทั้ง 5 ตำรับออกมาจำหน่ายในท้องตลาดเพิ่มขึ้นด้วย โดยเฉพาะยาศุขไสยาศน์ ที่มีสรรพคุณช่วยให้นอนหลับ เจริญอาหาร และมีปริมาณการใช้สูง” รองเลขาธิการ อย.กล่าว

Advertisement

ภญ.สุภัทรา กล่าวว่า ขณะนี้ประชาชนยังมีความกังวลว่า หากจะนำส่วนของใบละกิ่งก้านกัญชามาใช้ประโยชน์ จะสามารถจัดหาวัตถุดิบที่ถูกต้องตามกฎหมายได้อย่างไร เกี่ยวกับเรื่องนี้ ล่าสุด อย.อยู่ระหว่างพิจารณาจัดทำรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับแหล่งปลูกกัญชาที่ถูกกฎหมาย เพื่อเพิ่มช่องทางให้ประชาชนได้ติดต่อซื้อขายกันได้ง่ายขึ้นต่อไป

ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้ประชาชนเกิดความสับสนว่าในการนำกัญชามาปรุงประกอบอาหารในเมนูต่างๆ ผู้ปรุง หรือผู้ประกอบการร้านต่างๆ ที่มีแผนจะปรุงเมนูที่มีส่วนผสมของกัญชาจะต้องผ่านการอบรม หรือเรียนรู้จากหน่วยงานของรัฐ หรือสถาบันที่ อย.ให้การรับรองด้วย รองเลขาธิการ อย. กล่าวว่า ประเด็นนี้ ถือเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน และเป็นเรื่องที่ต้องเร่งสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องกับประชาชน ข้อเท็จจริงนั้น เรื่องการนำกัญชามาปรุงประกอบอาหารในเมนูต่างๆ ผู้ปรุงหรือผู้ประกอบการไม่จำเป็นต้องผ่านการอบรม หรือมีใบรับรองใดๆ สามารถนำส่วนของใบ กิ่ง ก้านของกัญชามาปรุงประกอบอาหารได้เลย แต่มีเงื่อนไขว่าจะต้องใช้วัตถุดิบกัญชาที่มาจากแหล่งปลูกที่ถูกกฎหมายเท่านั้น

“เป็นเจตนาที่ดีของโรงพยาบาล (รพ.) เจ้าพระยาอภัยภูเบศร ที่เปิดอบรมการปรุงเมนูอาหารที่มีส่วนผสมของกัญชา ซึ่งเปิดกว้างให้ประชาชนที่สนใจเข้าไปอบรม และเรียนรู้เพื่อให้ทราบถึงสัดส่วนกัญชาที่ใช้ในแต่ละเมนูอาหารเท่านั้น ใครจะไปเข้าคอร์สอบรม หรือไม่เข้าคอร์สก็ได้ อยู่ที่ความสมัครใจ ขอเพียงแค่ใช้กัญชาจากแหล่งที่ถูกกฎหมายเท่านั้น” ภญ.สุภัทรา กล่าว

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image