สำรวจคนกรุง ใช้ไลน์ 80-90% ภูมิภาค 42% พึ่ง ‘หมอชนะ’ ส่วนกลุ่มไม่มีสมาร์ทโฟนเข้าช่อง จนท.รพ. อสม.ช่วย เตรียมพร้อมระบบเยียวยาแพ้วัคซีน
วันที่ 3 มีนาคม นพ.โสภณ เมฆธน ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการอำนวยการบริหารจัดการการให้วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 กล่าวถึงการใช้ Line Official Account หมอพร้อม ว่า หมอพร้อม เป็นเทคโนโลยีไลน์ออฟฟิสเชียลสำหรับการติดตามการฉีดวัคซีนโควิด-19 ซึ่งยังไม่ใช้ในการจองคิวฉีดวัคซีนโควิดแต่อย่างใด เพราะคนไทยทุกคนได้รับวัคซีนอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม จากการสำรวจการใช้ไลน์ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร พบว่า มีผู้ป่วยนอกที่ใช้ไลน์สูงถึง 80-90% ดังนั้น การใช้ไลน์ หมอพร้อม ก็สามารถเข้าถึงได้ 80-90% เช่นกัน ขณะที่ส่วนภูมิภาคมีการสอบถามการใช้ไลน์เฉลี่ย 42%
ส่วนที่ไม่มีการใช้ไลน์ หรือไม่มีสมาร์ทโฟนก็จะมีช่องให้สามารถติดตามมาฉีดวัคซีนโควิดได้ผ่านทางโรงพยาบาล เจ้าหน้าที่ หรืออาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) คอยติดตามกลุ่มเป้าหมายมารับวัคซีนโควิด19 อย่างไรก็ตาม สำหรับกลุ่มเป้าหมายที่ต้องรับวัคซีนโควิด สิ่งสำคัญขอให้เตรียมร่างกายให้พร้อม นอนหลักพักผ่อนให้เพียงพอ แต่ขอย้ำว่า ไม่ต้องทานยาแก้ปวดล่วงหน้า เนื่องจากไม่ใช่ว่าทุกคนจะมีผลข้างเคียง และแม้มีผลข้างเคียงก็ไม่ได้รุนแรง ส่วนใหญ่จะปวดบวมบริเวณฉีด หรือมีไข้เล็กน้อย ส่วนที่อาการรุนแรง ณ ขณะนี้ที่ฉีดในประเทศไทยยังไม่พบ
“สำหรับการติดตามอาการไม่พึงประสงค์หลังฉีดวัคซีนโควิดนั้น เรามีคณะกรรมการพิจารณาเรื่องนี้ว่าเกี่ยวข้องหรือไม่อย่างไร แต่เบื้องต้นเมื่อมีอาการจะสามารถเข้าสิทธิการเยียวยาได้จากมาตรา 41 ของพ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2545 ซึ่งในการประชุมบอร์ดสปสช.มีการพิจารณาเรื่องนี้ว่า สามารถใช้สิทธิได้ทั้ง 3 กองทุนหรือไม่ เพราะโดยพื้นฐานเมื่อฉีดวัคซีนโควิดให้ประชาชนคนไทยทุกคนก็ต้องได้รับสิทธิ หากมีกรณีเกิดขึ้นหลังรับวัคซีน โดยบัตรทอง กับสิทธิประกันสังคมมีกฎหมายรองรับอยู่แล้ว แต่ในส่วนของสิทธิข้าราชการกำลังพิจารณา ซึ่งขณะนี้ สปสช.กำลังดำเนินการ” นพ.โสภณ กล่าว
ด้าน นพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการ สปสช. กล่าวว่า สำหรับมาตรา 41 อยู่ภายใต้ พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพฯ ซึ่งโดยหลักการและนโยบายรัฐบาลต้องให้ทุกสิทธิหากมีผลจากวัคซีน แต่ที่แน่ๆ บัตรทองได้อยู่แล้ว ส่วนประกันสังคมก็มีกฎหมายรองรับ แต่สิทธิข้าราชการยังไม่มี ซึ่งขณะนี้ สปสช. กำลังหารือกับทางกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง คาดว่าไม่เกินเดือนมีนาคมนี้จะแล้วเสร็จ เมื่อมีการจัดการระเบียบข้อกฎหมายต่างๆ แล้ว ก็จะครอบคลุมได้หมดทั้ง 3 กองทุนทันที โดยการเยียวยาก็จะยึดตามเดิมคือ หากเสียชีวิตก็จ่ายสูงสุด 4 แสนบาท
