‘รพ.บุรีรัมย์’ เปิดตัว HPLC เครื่องตรวจ ‘สารในกัญชา’ ในมหกรรมฯ 360 องศา พร้อมบริการ ปชช.

‘รพ.บุรีรัมย์’ เปิดตัว HPLC เครื่องตรวจ ‘สารในกัญชา’ ในมหกรรมฯ 360 องศา พร้อมบริการ ปชช.

เมื่อวันที่ 7 มีนาคม ที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ ในงาน “มหกรรมกัญชา กัญชง 360 องศา เพื่อประชาชน” ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 5-7 มีนาคม

ผู้สื่อข่าวรายงาน บรรยากาศภายในมหกรรมวันสุดท้าย โดยในช่วงเวลาประมาณ 14.00 น. ยังคงเป็นไปอย่างคึกคัก มีอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน แพทย์ พยาบาล นักธุรกิจ ผู้ประกอบการรายย่อย เกษตรกร ไปจนถึงประชาชนจากทั่วทุกภูมิภาค เดินทางมาลงทะเบียนเข้าร่วมงานอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงเช้า ภายใต้มาตรการป้องกันโรคโควิด-19 ที่เข้มงวด

ทั้งนี้ ภายในงานมหกรรมฯ มีประชาชนที่สนใจก่อตั้งวิสาหกิจชุมชน รวมถึงหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่สนใจการพัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์จากกัญชาและกัญชง มาเดินชมนิทรรศการและบูธกิจกรรมจากหน่วยงานต่างๆ ซึ่งบูธที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก คือบูธของโรงพยาบาลบุรีรัมย์ ที่เปิดให้บริการตรวจหาปริมาณสารสำคัญ THC และ CBD ในกัญชา โดยเครื่อง HPLC ของ High Gen Tech ซึ่งสามารถตรวจวิเคราะห์และแยกสารแคนนาบินอยด์ตามมาตรฐาน USDA ได้อย่างละเอียด รวดเร็ว แม่นยำ และตรวจแยกสารได้ถึง 14 ชนิด ภายใน 24 ชั่วโมง พร้อมให้คำแนะนำ ตอบข้อสงสัยถึงกระบวนการทำงานของเครื่องอย่างละเอียด

Advertisement

นพ.ภูวดล กิตติวัฒนาสาร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลบุรีรัมย์ เปิดเผยว่า จากนโยบายของกระทรวงสาธารณสุข ที่จะเพิ่มการใช้กัญชาในทางการแพทย์ เพื่อนำมารักษาประชาชนที่เป็นโรคต่างๆ ซึ่งขณะนี้ที่ได้รับการรับรองโดย กรมการแพทย์ ตอนนี้มี 4 โรค อาทิ โรคลมชัก พาร์กินสัน และมีอีกหลายโรคที่เรานำกัญชาไปใช้ เช่น คนที่นอนไม่หลับ หรือทางด้านแผนไทย ตอนนี้กัญชาถูกนำไปใช้อย่างกว้างขวาง และทุกโรงพยาบาลมีคลินิกกัญชาสำหรับให้บริการผู้ป่วย เราก็มีการผลิตด้วย เช่น น้ำมันกัญชา ที่ผลิตมาจากหลายที่หลายสาขา แต่ในน้ำมันกัญชา 1 ขวดนั้น มีปริมาณสารกลุ่มแคนาบินอยด์ พวก CBD และ THC มากน้อยแค่ไหน ซึ่งบางครั้งไม่แน่นอน ดังนั้น จึงมีความคิดว่า ถ้าเรามีเครื่องที่จะวิเคราะห์แยกสารแคนาบินอยด์ ก็จะสามารถบอกได้ว่า น้ำมันกัญชาของยี่ห้อนี้มีปริมาณของสาร CBD และ THC เท่าไหร่ ซึ่งส่วนใหญ่จะวัดแค่ 2 ตัวนี้

แต่เครื่องตัวนี้ของเรา วัดได้ถึง 13-14 ตัว เป็นตัวที่ประเทศสหรัฐอเมริกา รับรองมาตรฐาน USDA ณ ตอนนี้ที่สามารถตรวจได้ คือ ตรวจใบ ดอกกัญชาแห้ง และน้ำมันกัญชา ซึ่งต่อไปคงต้องพัฒนาให้สามารถตรวจในอาหาร ขนม เบเกอรี่ ว่าออกมามีปริมาณสารในกัญชา THC หรือ CBD มากน้อยแค่ไหน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภค ทำให้ไม่ได้รับสารมากจนเกินไป เพราะปกติบางคนไม่เคยใช้ ความไวต่อสารก็ต่างกัน

Advertisement

“เครื่องนี้จะเป็นตัวบ่งบอกให้เราได้ว่า ในน้ำมันกัญชา ดอก หรือใบ หรือในอนาคต อาหารที่เอามาตรวจจะสามารถรู้ได้ว่า มีปริมานแคนนาบินอยด์ใน 14 ตัวนี้มากน้อยแค่ไหน เกินเกณฑ์ที่ องค์การอาหารและยา (อย.) กำหนดหรือไม่ เป็นตัวช่วยในการวิเคราะห์ได้อย่างดี ตรวจได้เยอะ เทคโนโลยีใหม่ที่สุด จึงมองว่า เมื่อมีเครื่องเข้ามาช่วย เราก็ต้องมีมาตรฐาน จึงได้ทำการทดสอบเทียบ ระหว่างห้องปฏิบัติการของเรา กับห้องปฏิบัติการของ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ซึ่งผลที่ออกมา จากการวิเคราะห์ใบกัญชา วัดได้ปริมาณเท่าไหร่ ก็เอาไปรีเช็ค อ้างอิงกับเครื่องของกรมวิทยาศาสตร์ เมื่อเทียบผลออกมาเท่ากัน ก็ถือว่าแลปนี้ได้มาตรฐานในประเทศไทย”

“ตอนนี้มีหลายเจ้าที่ปลูกกัญชา บางคนอาจมีการผสมข้ามสายพันธุ์ เอาดอกมาตรวจก็จะรู้เลยว่า ที่เขาปลูกตรงนี้ดินประเภทนี้ ได้ปริมาณสารสำคัญเท่าไหร่ ซึ่งคนที่จะเอามาตรวจ ไม่จำเป็นที่จะต้องเซ็น MOU กับทางโรงพยาบาล ก็สามารถมาขอรับบริการการตรวจตรงนี้ได้ เปิดกว้างมาก ที่อื่นหาสาร 1 ตัว ราคา 20,000 บาท ของเรา ด้วยมองว่า ต้องการตรวจเพื่อให้เกิดการพัฒนาสายพันธุ์ หรือ ประชาชนสามารถนำไปต่อยอดทำธุรกิจอาหาร ขนม ที่บรรจุกล่องสำเร็จได้ จึงต้องการพัฒนาในส่วนนี้ โดยตั้งอัตราค่าบริการอยู่ที่ 5,000 บาท ต่อ 1 ครั้ง แม้ว่าขณะนี้ตรวจได้ 3 อย่าง คือ ดอก ใบ และน้ำมันกัญชา แต่ในอนาคตต้องมีสารที่ละลายในขนม ก็จะสามารถนำมาตรวจได้ ถือว่าเป็นพัฒนาการอย่างหนึ่งของแวดวงสาธารณสุขไทย ที่จะทำให้เราได้ใช้ยาอย่างมีคุณภาพ และลดผลข้างเคียงของการใช้ยา ส่วน ประชาชน หรือผู้ประกอบการ ก็มาเช็คได้ว่า เมื่อทำผลิตภัณฑ์ออกมาแล้ว มีปริมาณ แคนนาบินอยด์มากน้อยแค่ไหน” นพ.ภูวดลกล่าว

นพ.ภูวดลกล่าวต่อว่า เราเอาเครื่องมาโชว์ในงานนี้เป็นที่แรก อย่างน้อยเพื่อทำให้รู้ว่า ในนามของราชการ เราเหมือนเป็นผู้ออกใบรับรอง (certificate) ให้ทุกคนได้ ตรวจเพียง 1 วันได้ผลทันที เป็นตัววิเคราะห์ที่จะส่งเสริมการใช้กัญชาไม่ให้เกินปริมาณ (Overdose) เพื่อลดภาวะแทรกซ้อนที่อาจจะเกิดขึ้น ซึ่งตอนนี้ โรงครัวของเราก็ทำพวกอาหาร โตเกียว ลูกชิ้น บราวนี่ รวมถึงพยายามที่จะเปิดคลินิกของแผนไทยและแผนปัจจุบัน เพื่อส่งเสริมการใช้กัญชา

“เรามีการวิจัยในกลุ่มคนที่เป็นพาร์กินสัน เราใช้กัญชาในคนกลุ่มนี้ด้วย ซึ่งมีคนไข้อยู่หลายร้อยคน กำลังทำวิจัยผลของการใช้กัญชา ทั้งใช้ยาด้วย และวิจัยไปในตัว เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนในการใช้กัญชาว่าได้ผลจริงมากน้อยแค่ไหน

ซึ่งตอนนี้เราก็เปิดรับ วิสาหกิจชุมชนที่จะมาร่วมมือกับเรา แต่สิ่งสำคัญคือ เราต้องส่งเสริมการใช้กัญชาในการแพทย์แผนปัจจุบันให้มากขึ้น ขณะเดียวกัน ก็ต้องควบคุมคุณภาพในการใช้ ไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อน เป็นการพัฒนาที่ดี ซึ่งอนาคตเราก็จะมีฐานข้อมูล (Data) มากมายในการใช้กัญชากับผู้ป่วย

ท้ายที่สุด ถ้าเราเปิดกว้างมากขึ้น ชาวบ้านก็มีสิทธิที่จะมารับคำแนะนำจากเรา เขาผลิต เราตรวจ เราแนะนำให้ชาวบ้านสามารถค้าขายในพื้นที่ของตัวเองได้ เรามีทีมที่ปรึกษาเรื่องกัญชาอยู่แล้ว เรามีหน่วยกัญชาของเราในโรงพยาบาล ทั้งแผนไทยและแผนปัจจุบัน ไม่สบายมาได้ ปรึกษาเรื่องกัญชาก็มาได้

ในอนาคตเราก็อาจจะเป็นศูนย์ (Center) แจกจ่ายน้ำมันกัญชา ที่ผลิตโดยรัฐวิสาหกิจชุมชน ในไทย ไปให้ในเขตจังหวัดข้างเคียง ในเร็วๆ นี้จะได้เห็น เพราะเราเริ่มมีขีดความสามารถในการผลิตเองได้โดยวิสาหกิจชุมชนของเรา” นพ.ภูวดลกล่าว

ด้าน นายพัฒนชัย หงษ์สอง นักเทคนิคการแพทย์ หัวหน้างานภูมิคุ้มกันวิทยา รพ.บุรีรัมย์ กล่าวว่า ในส่วนหน่วยงานของรัฐ มีโรงพยาบาลบุรีรัมย์ ที่เริ่มต้นมีเครื่องตรวจสารเป็นแห่งแรก ซึ่งขณะนี้มีเพียงหนึ่งเครื่องเท่านั้น เพราะราคาสูงมาก

“ความแตกต่างของเครื่องนี้ คือสามารถสกัดสารแต่ละชนิดออกมา พร้อมบอกรายละเอียดค่าในการตรวจว่ามากน้อยแค่ไหน เครื่องนี้ออกแบบมาพิเศษ พัฒนาซอฟต์แวร์อย่างดี ซึ่งจะช่วยในการคำนวณผลออกมาเป็นตัวเลข แปลผลออกมาอย่างเข้าใจง่ายว่ามีสารสำคัญอยู่เท่าไหร่” นายพัฒนชัยกล่าว

สำหรับผู้สนใจ ตรวจวิเคราะห์สารสำคัญในกัญชา และกัญชง ในน้ำมันกัญชา ดอกและใบกัญชาแห้ง สามารถติดต่อได้ที่ งานภูมิคุ้มกันวิทยาคลินิก โรงพยาบาลบุรีรัมย์ เวลา 08.00-16.00 น. ทุกวัน ในเวลาราชการ โทร. 04-4615-002 ต่อ 4501 หรือ โทร 095-341-7567, 081-660-7429

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image