“สธ.” ยันวัคซีนไฟเซอร์กระจายครบ 77 จว.ทั่วไทย ขอสิทธิแพทย์-พยาบาล ด่านหน้าก่อน สรุปตัวเลข 29 ก.ค.นี้
เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม นพ.สุระ วิเศษศักดิ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ในฐานะประธานคณะทำงานด้านบริหารจัดการการให้บริการวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 กรณีวัคซีนโควิดไฟเซอร์ กล่าวว่า ข้อมูลเบื้องต้นที่บริษัท ไฟเซอร์ ได้แจ้งเข้ามาคือ วัคซีนไฟเซอร์จะต้องเก็บในอุณหภูมิ -70 องศาเซลเซียส เพื่อคงคุณภาพวัคซีน แต่หากเก็บในอุณหภูมิ 2-8 องศาฯ จะมีอายุได้ 30 วัน ดังนั้น จะต้องเก็บวัคซีนไว้ที่คลัง ทยอยเบิกแล้วกระจายไปในพื้นที่ ซึ่งต้องมั่นใจว่าเมื่อไปถึงแล้วจะต้องฉีดให้ทันภายใน 30 วัน ส่วนการทยอยส่งวัคซีนไปแต่ละจังหวัด ทางกรมควบคุมโรคมีระบบห่วงโซ่ความเย็น (Cold chain) ที่ได้มาตรฐานเพื่อคงคุณภาพวัคซีน
นพ.สุระ กล่าวถึงการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ล็อตดังกล่าว ว่า เป้าหมายที่สำคัญคือ การฉีดเป็นเข็มบูสเตอร์ (Booster dose) ให้กับบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข เฉพาะกลุ่มที่เป็นแพทย์ พยาบาลด่านหน้าในการรับมือกับผู้ป่วยโควิด-19 ก่อน เพื่อสร้างความมั่นใจ ความปลอดภัยให้คนทำงานที่มีความเสี่ยงสัมผัสผู้ติดเชื้อในทุกวัน แต่ขึ้นอยู่กับความสมัครใจ ซึ่งคาดว่ามีจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ก็มีบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้า ส่วนหนึ่งสมัครใจรับวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า เป็นบูสเตอร์โดสไปแล้ว
นพ.สุระ กล่าวต่อไปว่า ขณะนี้ได้ประสานให้ 77 จังหวัด เร่งสำรวจรายชื่อบุคลากรแพทย์ พยาบาลที่ทำงานด่านหน้ากลุ่มที่จำเป็นที่สุด ที่สมัครใจรับวัคซีนไฟเซอร์ ทั้งในโรงพยาบาลภาครัฐและเอกชน สรุปข้อมูลนำส่งมาให้กรมควบคุมโรค โดยจะมีการประชุมร่วมกันในเรื่องของจำนวนแต่ละจังหวัดในวันที่ 29 ก.ค.นี้ เพื่อเตรียมการกระจายวัคซีนไปตามจำนวน
“ขอยืนยันว่า บุคลากรแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้าจะได้รับทุกคน เราได้กันวัคซีนให้ในกลุ่มนี้อย่างเพียงพอ ย้ำว่า คนที่จำเป็นต้องได้วัคซีนตามหลักวิชาการ ก็ต้องได้ก่อน แล้วเหลือจากกลุ่มนี้ เราจะพิจารณากระจายให้ 13 จังหวัดที่เป็นพื้นที่ระบาด ในกลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป หญิงตั้งครรภ์ ผู้มีภาวะอ้วน และผู้ป่วย 7 กลุ่มโรคเรื้อรัง ในรหัส 602 และ 608 ซึ่งส่วนนี้ทางจังหวัดก็ต้องสำรวจแล้วส่งรายชื่อมาให้กรมควบคุมอีกครั้ง” นพ.สุระ กล่าว