โควิดยอดป่วย-ดับลดลง “เรือนจำ” ติดเชื้อพุ่ง 304 ราย “กทม.-ปากน้ำ” ทะลุพัน 10 จังหวัดเริ่มแผ่ว
เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2564 ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) รายงานสถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 ทั่วโลก มียอดผู้ติดเชื้อรวม 217,901,675 ราย อาการรุนแรง 113,758 ราย รักษาหายแล้ว 194,769,952 ราย เสียชีวิต 4,523,766 ราย
“ไทย” ป่วยโควิดเป็นอันดับ 29 ของโลก
อันดับประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุด ได้แก่ สหรัฐอเมริกา 39,946,708 ราย อินเดีย 32,767,820 ราย บราซิล 20,752,281 ราย รัสเซีย 6,901,152 ราย สหราชอาณาจักร 6,757,650 ราย ส่วนประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 29 จำนวน 1,204,729 ราย (ยอดป่วยสะสมตั้งแต่ปี 2563)
ป่วยใหม่-ตายลดลง “เรือนจำ” ยอดพุ่ง 304 ราย
สำหรับสถานการณ์ในประเทศ วันนี้มีติดเชื้อเพิ่ม 14,666 ราย อยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล 7,327 ราย พื้นที่ 4 จังหวัดภาคใต้ 770 ราย จัดหวัดอื่นๆ รวม 67 จังหวัด 6,258 ราย เรือนจำ/ที่ต้องขัง 304 ราย จากต่างประเทศ 7 ราย
มีผู้ป่วยยืนยันสะสม 1,175,866 ราย หายป่วยแล้ว 19,245 ราย หายป่วยสะสม 994,346 ราย รักษาอยู่ 171,368 ราย อยู่ในโรงพยาบาล 14,308 ราย อยู่ในโรงพยาบาลสนามและอื่นๆ 157,060 ราย อาการหนัก 5,003 ราย ใส่เครื่องช่วยหายใจ 1,042 ราย เสียชีวิต 190 ราย เสียชีวิตสะสม 11,495 ราย
“คนแก่-ป่วยโรคเรื้อรัง” ดับมากสุด
สำหรับรายละเอียดผู้เสียชีวิต 190 ราย เป็นชาย 112 ราย หญิง 78 ราย คนไทย 181 ราย เมียนมา 8 ราย กัมพูชา 1 ราย ค่ามัธยฐานของอายุ 73 ปี ตั้งแต่ 30-96 ปี ไม่ทราบอายุ 1 ราย โดยค่ามัธยฐานเวลา ทราบผลติดเชื้อและเสียชีวิตใน 10 วัน
โดยเป็นผู้มีอายุ 60 ปีขึ้นไป 121 ราย มีโรคเรื้อรัง 46 ราย รวมทั้ง 2 กลุ่มนี้อยู่ที่ 88% ไม่มีประวัติโรคเรื้อรัง 22 ราย มีปัจจัยเสี่ยงติดเชื้อในพื้นที่สูงถึง 183 ราย คนรู้จัก 93 ราย ครอบครัว 9 ราย อาศัยพื้นที่เสี่ยง 8 ราย อาชีพเสี่ยง 1 ราย
กทม.ยอดดับลด ต่างจังหวัดพุ่งไม่หยุด
สำหรับผู้เสียชีวิตอยู่ในกรุงเทพฯ 32 ราย มีอายุ 60 ปี จำนวน 24 ราย และอายุมากกว่า 50 ปี 7 ราย
จังหวัดปริมณฑล จำนวน 50 ราย ได้แก่ ปทุมธานี 18 ราย สมุทรสาคร 7 ราย สมุทรปราการ 10 ราย นครปฐม 4 ราย นนทบุรี 1 ราย มีอายุ 60 ปี จำนวน 21 ราย และอายุมากกว่า 50 ปี 13 ราย
ภาคใต้ จำนวน 15 ราย ได้แก่ นราธิวาส 7 ราย ปัตตานี 5 ราย ชุมพร 2 ราย ตรัง 1 ราย มีอายุมากกว่า 50 ปีทั้งหมด
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จำนวน 11 ราย ได้แก่ อุดรธานี 6 ราย บึงกาฬ 1 ราย อุบลราชธานี 1 ราย นครพนม 1 ราย เลย 1 ราย ชัยภูมิ 1 ราย มีอายุ 60 ปี 6 ราย มากกว่า 50 ปี 2 ราย
ภาคเหนือ จำนวน 15 ราย ได้แก่ นครสวรรค์ 5 ราย ตาก 3 ราย พิจิตร 2 ราย พิษณุโลก 2 ราย ลำปาง 1 ราย อุทัยธานี 1 ราย กำแพงเพชร 1 ราย มีอายุ 60 ปี 9 ราย และมากกว่า 50 ปี 3 ราย
ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันตก จำนวน 67 ราย ได้แก่ ลพบุรี 9 ราย สระบุรี 8 ราย ชลบุรี 8 ราย กาญจนบุรี 7 ราย สุพรรณบุรี 7 ราย อ่างทอง 4 ราย ฉะเชิงเทรา 4 ราย นครนายก 3 ราย เพชรบุรี 3 ราย ระยอง 3 ราย อยุธยา 3 ราย สมุทรสงคราม 2 ราย ปราจีนบุรี 2 ราย ประจวบคีรีขันธ์ 1 ราย สระแก้ว 1 ราย ตราด 1 ราย สิงห์บุรี 1 ราย มีอายุ 60 ปี 50 ราย และมากกว่า 50 ปี 12 ราย
ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ติดเชื้อ 3 ราย
สำหรับผู้ติดเชื้อเดินทางจากต่างประเทศ 7 ราย ได้แก่ คาซัคสถาน 1 ราย อิสราเอล 1 ราย เยอรมนี 2 รายในภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ กัมพูชา 2 ราย ผ่านด่านพรมแดนทางบกและช่องทางธรรมชาติ, มาเลเซีย 1 ราย ผ่านช่องทางธรรมชาติ
โควิด “กทม.-ปริมณฑล” ยังพีค
เมื่อดูภาพรวมประเทศการติดเชื้อในประเทศในวันนี้อยู่ต่างจังหวัด 71 จังหวัด จำนวน 7,028 ราย คิดเป็น 49%% กรุงเทพฯและปริมณฑล 7,327 ราย คิดเป็น 51%
โดยวันนี้มี 2 จังหวัดที่ยอดติดเชื้อใหม่เกิน 1,000 ราย ได้แก่ กรุงเทพฯ และสมุทรปราการ และมี 10 จังหวัดที่ติดเชื้อในระดับ 10 ราย คือ สุโขทัย 10 ราย สะสม 4,307 ราย น่าน 6 ราย สะสม 2,195 ราย ลำปาง 5 ราย สะสม 2,011 ราย บึงกาฬ 8 ราย สะสม 1,649 ราย กระบี่ 6 ราย สะสม 1,595 ราย พะเยา 7 ราย สะสม 1,555 ราย แพร่ 8 ราย 1,378 ราย ลำพูน 3 ราย สะสม 1,142 ราย พังงา 6 ราย สะสม 1,061 ราย และแม่ฮ่องสอน 5 ราย สะสม 282 ราย
“กทม.-ปากน้ำ” ติดเกินพันราย “สงขลา” ติดโผท็อปเท็น
สำหรับ 10 จังหวัดติดเชื้อใหม่สูงสุด ได้แก่ กรุงเทพฯ 3,963 ราย สะสม 279,550 ราย สมุทรปราการ 1,402ราย สะสม 79,917 ราย สมุทรสาคร 983 ราย สะสม 74,186 ราย ชลบุรี 745 ราย สะสม 62,425 ราย ราชบุรี 490 ราย สะสม 17,502 ราย นนทบุรี 488 ราย สะสม 44,061 ราย พระนครศรีอยุธยา 308 ราย สะสม 20,097 ราย นครราชสีมา 299 ราย สะสม 18,406 ราย นครปฐม 273 ราย สะสม 26,385 ราย และสงขลา 273 สะสม 19,136 ราย
