ฟิลลิป มอร์ริส แจงยาสูบแบบให้ความร้อนมีสารเคมีปริมาณสูงกว่าบุหรี่ แต่ไม่อันตราย

ฟิลลิป มอร์ริส แจงยาสูบแบบให้ความร้อนมีสารเคมีปริมาณสูงกว่าบุหรี่ แต่ไม่อันตราย

กรณีเครือข่ายวิชาชีพแพทย์เพื่อการควบคุมการบริโภคยาสูบ เผยแพร่รายงานวิจัยจากผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมยาสูบ มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ซานฟรานซิสโก ระบุพบสารเคมี 56 ชนิด ในไอละอองของผลิตภัณฑ์แบบให้ความร้อน (Heated Tobacco Products: HTP) ของฟิลลิป มอร์ริส อินเตอร์เนชั่นแนล (พีเอ็มไอ) ในระดับที่สูงกว่าบุหรี่ธรรมดา นั้น

เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม นายเจอรัลด์ มาร์โกลิส กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟิลลิป มอร์ริส เทรดดิ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด เปิดเผยว่า เป็นอีกครั้งที่เครือข่ายแพทย์ฯ ให้ข้อมูลที่คลาดเคลื่อนกับสังคมและก่อให้เกิดความเข้าใจผิด การอ้างว่าพีเอ็มไอไม่เคยยื่นรายการสารเคมีที่ตรวจพบเพิ่มเติมต่อเอฟดีเอ เป็นการกล่าวหาที่ไม่เป็นความจริง ทั้งนี้ จากกระบวนการตรวจหาสารเคมีเพิ่มเติม (Non-Targeted Differential Screening: NTDS) พบสารจำนวน 54 ชนิด ที่มีปริมาณสูงกว่าที่พบในควันบุหรี่มาตรฐานที่ใช้ในการทดลอง (3R4F) แต่สารดังกล่าวไม่ได้เป็นสารที่ก่อให้เกิดความเป็นพิษต่อร่างกาย และในจำนวนนั้น มี 4 ชนิด ซึ่งเป็นสารที่อาจจะเป็นอันตราย แต่พบในปริมาณที่ต่ำกว่าระดับที่อาจจะเกิดความเป็นพิษมาก ดังนั้น จึงสรุปได้ว่าไอละอองของผลิตภัณฑ์แบบให้ความร้อนก่อให้เกิดสารเคมีอันตรายน้อยกว่าควันบุหรี่อย่างมีนัยสำคัญ

“หลักฐานทั้งหมดนี้ พีเอ็มไอได้เคยนำเสนอต่อองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (เอฟดีเอ) แล้ว เมื่อครั้งยื่นคำขอขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์ปรับลดความเสี่ยง (Modified Risk Tobacco Products) และ เอฟดีเอได้พิจารณาแล้วก่อนอนุญาตให้ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวขายและทำการตลาดในฐานะผลิตภัณฑ์ลดความเสี่ยงในประเภทการลดสารอันตรายในสหรัฐได้” นายเจอรัลด์ กล่าวและว่า คำชี้แจงของพีเอ็มไอที่ได้เผยแพร่ไว้ก่อนหน้านี้ระบุว่า ขั้นตอนการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ไร้ควันของพีเอ็มไอ จะตรวจวัดระดับสารเคมี 58 รายการ ซึ่งเป็นสารเคมีที่หน่วยงานสาธารณสุขระดับโลก เช่น เอฟดีเอ สาธารณสุขแคนาดา สถาบันวิจัยมะเร็งนานาชาติ และองค์การอนามัยโลกให้ความสำคัญ และพบว่าสารเคมีทั้ง 58 ตัวนี้ มีระดับต่ำกว่าที่พบในควันบุหรี่มาตรฐานที่ใช้ในการทดลองเฉลี่ยร้อยละ 90

Advertisement

นอกจากนี้ นายเจอรัลด์ กล่าวว่า พีเอ็มไอยังได้ทำการวิเคราะห์เปรียบเทียบเชิงลึกองค์ประกอบของไอละอองของ HTP และบุหรี่มาตรฐาน โดยใช้วิธีการ NTDS เพิ่มเติมจากการตรวจหาสารเคมี 58 รายการที่กำหนดไว้แต่เดิม และพบมีสารเคมี 54 ชนิดในระดับที่สูงกว่าในควันบุหรี่ เช่น มินท์ เมนทอล ฯลฯ เนื่องจากบุหรี่มาตรฐานไม่ได้มีการปรุงรส แต่สารเคมีเหล่านี้ไม่ได้เป็นสารที่เป็นอันตราย

“นอกจากนี้ ใน 54 ชนิดนี้ พบว่า 4 ชนิด อาจเป็นสารเคมีอันตราย แต่มีปริมาณที่ต่ำมาก ไม่อยู่ในระดับที่ต้องกังวลว่าจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพ ซึ่งเอฟดีเอระบุว่า แม้สารเคมีเหล่านี้อาจเป็นพิษต่อพันธุกรรมหรือเป็นเซลล์ของร่างกาย แต่ก็พบในปริมาณที่น้อยมาก เมื่อเทียบกับการลดลงอย่างมากของปริมาณสารพิษที่เป็นอันตราย (harmful and potentially harmful chemicals: HPHCs) แล้ว ผลกระทบที่จะเกิดจากสารเคมีเหล่านี้ถือว่ายังไม่น่ากังวล” นายเจอรัลด์ กล่าว

Advertisement

นายเจอรัลด์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2563 เอฟดีเอได้อนุญาตให้ผลิตภัณฑ์แบบให้ความร้อนของพีเอ็มไอทำการตลาดในฐานะผลิตภัณฑ์ปรับลดความเสี่ยง โดยให้สามารถสื่อสารข้อความ “ลดการได้รับสารอันตราย” ได้ ผลิตภัณฑ์ยาสูบแบบให้ความร้อนของพีเอ็มไอนี้ เป็นผลิตภัณฑ์อิเล็คโทรนิคส์ที่มีนิโคตินประเภทแรกและประเภทเดียวที่ได้รับอนุญาตจากเอฟดีเอ โดยเอฟดีเอระบุว่า หลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่มีอยู่ทั้งหมดจนถึงปัจจุบัน แสดงให้เห็นว่าการอนุญาตให้ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวสื่อสารข้อความลดการได้รับสารอันตรายลงได้ เหมาะสมในการส่งเสริมสุขภาพของประชาชนโดยรวม โดยคำนึงถึงทั้งผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ยาสูบและผู้ที่ไม่ใช้ผลิตภัณฑ์ยาสูบใดๆ อยู่ในปัจจุบัน

“เอฟดีเอระบุอีกว่า ขณะนี้หลักฐานทางด้านผลการวิจัยทั้งหมดยังไม่เพียงพอที่จะอนุญาตให้สื่อสารว่า ลดความเสี่ยงได้ แต่ตั้งข้อสังเกตว่า เพียงพอที่จะอนุญาตให้สื่อสารเรื่องการปรับลดการได้รับสารอันตรายได้ พร้อมชี้แจงเพิ่มเติมว่า แม้ว่าหลักฐานที่นำเสนอทั้งหมดจะยังไม่ได้แสดงให้เห็นถึงความเสี่ยงที่ลดลง แต่ก็แสดงแนวโน้มให้เห็นอย่างเป็นรูปธรรมถึงความเป็นไปได้ของอัตราการเจ็บป่วยหรือการตายที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญในกลุ่มผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ยาสูบที่สมเหตุสมผลในการศึกษาต่อๆ ไป” นายเจอรัลด์ กล่าวและว่า ยินดีที่จะพูดคุยเกี่ยวกับผลการวิจัยของพีเอ็มไอ รวมถึงงานวิจัยของหน่วยงานอิสระอื่นๆ อีกประมาณ 30 แห่ง กับเครือข่ายฯ อย่างสร้างสรรค์ เช่นเดียวกับที่พีเอ็มไอได้ส่งหลักฐานทั้งหมดไปให้เอฟดีเอ เพื่อที่ประเทศไทยจะได้มีการพิจารณาแนวทางควบคุมผลิตภัณฑ์ไร้ควันใหม่ เพื่อให้เกิดประโยชน์กับผู้สูบบุหรี่ในประเทศไทยประมาณ 10 ล้านคน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image