‘สธ.’ ยันไทยพบเดลต้าพลัส 1 รายจริง แต่ไม่เหมือนในอังกฤษ

 

‘สธ.’ ยันไทยพบเดลต้าพลัส 1 รายจริง แต่ไม่เหมือนในอังกฤษ ชี้อีก 18 ราย อัลฟ่าพลัสระบาดหนักในกัมพูชา

เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการ สธ. พร้อมด้วย นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ แถลงชี้แจงกรณีมีการพบเชื้อโควิด-19 สายกลายพันธุ์ต่างๆ ในประเทศไทย

นายสาธิตกล่าวว่า สำหรับการติดตามสายพันธุ์โควิด-19 ในไทยต้องย้ำว่า กรมวิทยาศาสตร์ติดตามและเก็บตัวอย่าง ตรวจสอบการติดเชื้อของผู้ติดเชื้อในไทยมาตั้งแต่ต้น มีข้อมูลที่สามารถเปิดเผยอย่างโปร่งใส ซึ่งส่วนนี้เป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้คนไทยและต่างชาติที่จะเดินทางเข้ามา นอกจากนั้น กรมวิทยาศาสตร์ตรวจพบแล้วส่งข้อมูลรายงานไปยังระบบนานาชาติเพื่อให้ข้อมูลกับทั่วโลก

“ย้ำว่าอย่าตื่นตระหนก สธ.ติดตามเชื้อกลายพันธุ์ เมื่อเราพบสายพันธุ์ใหม่ๆ ในแต่ละพื้นที่กรมวิทยาศาสตร์มีการชี้แจงมาตลอด เช่น เบต้า เดลต้า ฯลฯ เก็บจากแต่ละพื้นที่ มีการเก็บตามหลักเกณฑ์ ดังนั้น ขอให้มั่นใจว่าเรามีระบบเฝ้าระวังสายพันธุ์โควิด-19 และจากการติดตามก็ยังไม่พบเชื้อตัวใดในไทยที่มีนัยสำคัญจนถึงต้องทบทวนเรื่องการเปิดประเทศ ในขณะที่ประชาชนสนใจน้อยลง แต่กรมวิทยาศาสตร์ก็ยังตรวจหาเชื้ออย่างต่อเนื่อง ไม่มีการปกปิดข้อมูล ขอย้ำว่าอย่าตื่นตระหนก แต่ให้ติดตามข้อมูลอย่างมีสติ ติดตาม สธ.เพื่อให้เข้าใจและปฏิบัติตัวให้ถูกกับสถานการณ์” นายสาธิตกล่าว

Advertisement

ด้าน นพ.ศุภกิจกล่าวว่า เพื่อให้เกิดความเข้าใจตรงกันในข้อเท็จจริง โดยกรมวิทยาศาสตร์ร่วมกับเครือข่ายห้องปฏิบัติการ (แล็บ) ได้ตรวจเรื่องการกลายพันธุ์ พบว่า ระยะหลังประเทศไทยส่วนใหญ่พบสายพันธุ์เดลต้า ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา พบ 1,000 รายเศษ เป็นเดลต้า อัลฟ่า 7 ราย และเบต้า 9 ราย
“ภาพรวมประเทศมีเดลต้า ร้อยละ 98.6 ส่วนคำถามว่า 4 จังหวัดชายแดนใต้ ได้แก่ ยะลา นราธิวาส ปัตตานี และสงขลา กรณีที่ จ.ยะลา ระบุว่าพบอัลฟ่าเป็นส่วนใหญ่ แต่จริงๆ แล้วตอนนั้นยังตรวจตัวอย่างไม่มาก จึงพบเป็นอัลฟ่า แต่ขณะนี้เราตรวจเพิ่มขึ้นก็พบว่าเดลต้ากินพื้นที่มากขึ้นเรื่อยๆ ใน 4 จังหวัด เพราะสัปดาห์ล่าสุดพบอัลฟ่าเพียง 3 ราย เดลต้า 377 ราย และเบต้า 9 ราย ฉะนั้น เป็นเครื่องยืนยันว่าการระบาดทั่วทุกภูมิภาคเป็นเดลต้า พบเบต้าในภาคใต้เล็กน้อย และอัลฟ่าลดลงเรื่อยๆ” นพ.ศุภกิจกล่าว

นพ.ศุภกิจกล่าวว่า มีการพูดถึงสายพันธุ์เดิมคือ อัลฟ่า เดลต้า แต่มีพลัสขึ้นมา ซึ่งหมายความว่ามีส่วนของสายพันธุ์เดิมแต่มีการเติมการกลายพันธุ์บางอย่างขึ้น “เช่น ขณะนี้พบอัลฟ่า พลัส มีการกลายพันธุ์ในตำแหน่ง E484K โดยเป็นตำแหน่งหลบภูมิคุ้มกันได้ ทำให้อาการมากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งพบตรวจจับได้ในระบบเฝ้าระวัง เราเจออัลฟ่า พลัส ในช่วงปลายเดือนกันยายน 2564 จำนวน 2 ราย ที่ จ.เชียงใหม่ เป็นผู้ต้องขัง ที่อาจมีภูมิคุ้มกันบกพร่อง และส่วนตะวันออกพบที่จันทบุรี และตราด ในล้งลำไย 16 ราย เป็นคนกัมพูชา 12 ราย อีก 4 ราย เป็นคนไทย ซึ่งเราประสานกับพื้นที่เพื่อควบคุมโรค โดยจะมีการขยายการตรวจพื้นที่อื่นเพิ่มเติม” นพ.ศุภกิจกล่าว

อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์กล่าวว่า การรายงานในจีเสส (GISAID) ถึงสายพันธุ์อัลฟ่า พลัส พบว่า จริงๆ แล้วส่วนใหญ่พบในประเทศใกล้บ้าน คือกัมพูชา ซึ่งกำลังระบาดเป็นจำนวนมาก โดยการกลายพันธุ์ที่ตำแหน่ง E484k ซึ่งพบอยู่ในเบต้าและแกมม่า ทำให้เกิดการหลบภูมิมากพอสมควร ดังนั้น อิทธิฤทธิ์ของอัลฟ่า พลัส คืออยู่ระหว่างเบต้าและแกมม่า ดังนั้น หากพบมากก็จะหลบภูมิ แต่โชคดีที่อัลฟ่าถูกเบียดโดยเดลต้าทำให้อำนาจการกระจายไม่สูง เหมือนเบต้าที่อิทธิฤทธิ์มากในภาคใต้ แต่ถูกเบียดและลดจำนวนลงเรื่อยๆ ซึ่งต้องตรวจพื้นที่อื่นต่อไป ทั้งนี้ อัลฟ่า พลัส ไม่ใช่เชื้อใหม่ แต่พบที่อังกฤษเป็นประเทศแรก เมื่อปลายเดือนธันวาคม 2563 และขณะนี้ก็ระบาดในกัมพูชาในเปอร์เซ็นต์สูงขึ้น

Advertisement

นพ.ศุภกิจกล่าวว่า ส่วนสายพันธุ์เดลต้า พลัส มีความซับซ้อนเล็กน้อย เนื่องจากเดลต้าปกติ (B.1.617.2) ที่ระบาดในอินเดียและทั่วโลกกว่าร้อยละ 80-90 มีตระกูลลูกหลานจาก .2 ก็เพิ่มเป็น .2.1, .2.3 เขาเห็นว่ายาวเกินไป เพื่อทำความเข้าใจได้มากขึ้น ก็เปลี่ยนเป็น AY ซึ่งขณะมี AY1-47 ชนิด เป็นตามระบบการเรียกทั่วโลก โดยทุกอันต้องมีฐานคือเดลต้าอยู่ก่อน เมื่อมีการกลายพันธุ์จุดอื่นก็เรียกเป็นเดลต้า พลัส ทั้งนี้ สายพันธุ์ย่อยมีในประเทศไทย ตามระบบที่เราตรวจจับได้ เช่น AY3, AY4, AY10 เป็นต้น เจอมากน้อยต่างกันไป แต่ที่พบมากคือ AY30 พันกว่าราย และ AY39 อีก 83 ราย

“ส่วนที่มีคนถามถึง AY4.2 หรือเดลต้า พลัส ที่เป็นประเด็นในอังกฤษ พบการระบาดพอสมควร ทั้งในอังกฤษและยุโรปหลายประเทศ โดย AY4.2 คือเดลต้า แล้วมีการกลายพันธุ์ที่ตำแหน่ง Y145H และ A222V ที่เรากังวลคืออำนาจการกระจายเพิ่มจากเดลต้าปกติประมาณร้อยละ 10-15 ซึ่งไม่มากหากเทียบกับอัลฟ่าที่มากกว่าสายพันธุ์จี 1.7 แล้วจากอัลฟ่ามาเป็นเดลต้า ก็ 1.4 หรือร้อยละ 40 อันนี้มากกว่าเดลต้า ร้อยละ 10-15 แปลว่าเร็วกว่าเล็กน้อย แต่วันนี้ไทยยังไม่พบ AY.4.2 ซึ่งอาจจะพบได้ในวันอื่นแต่วันนี้ยังไม่พบ” นพ.ศุภกิจกล่าว

นพ.ศุภกิจกล่าวว่า การพบเกิดจากได้รับข้อมูลจากสถาบันการแพทย์ทหาร (AFRIMS) ที่ตรวจตัวอย่างใน จ.กำแพงเพชร เมื่อเดือนกันยายน 2564 จากผู้ป่วยชาย 1 ราย จาก จ.พระนครศรีอยุธยา มีการตรวจพบว่าเป็นเดลต้า พลัส ที่เป็น AY.1 ที่เกิดการกลายพันธุ์ที่ K41.N ซึ่งเป็นคนละตัว 4.2

“แต่ขณะนั้นยังไม่มีข้อมูลในโลกว่า K41.N จะเกิดอิทธิฤทธิ์อะไรกว่าเดลต้าอย่างไร ต่างกับ 4.2 ที่มีข้อมูลว่าแพร่เร็ว แต่ทั้งหมดยังไม่ถูกขึ้นบัญชีว่าเป็นสายพันธุ์ที่น่าจะมีปัญหา แต่เรากลัวว่า K41.N จริงๆ ก็พบในเบต้าเหมือนกัน ซึ่งเราต้องจับตาดู แต่เนื่องจากผู้ป่วยเข้าอยู่ใน รพ.สนาม และหายเป็นปกติออกไปแล้ว เพียงแต่เราต้องเก็บตัวอย่างผู้มีความเสี่ยงเพิ่มเติม โดยสรุปขณะนี้ไทยพบอัลฟ่า พลัส 18 ราย เดลต้า พลัส AY.1 เพียง 1 ราย ส่วนเดลต้า พลัส ที่เป็น AY.4.2 ยังไม่พบในประเทศ อย่างไรก็ตาม ระบบของเราทำการตรวจรหัสพันธุกรรมทั้งตัว อย่างน้อยสัปดาห์ละ 450-500 ตัวอย่าง และส่งข้อมูลเข้าจีเสสภายใน 1 สัปดาห์ ขณะนี้ส่งไปแล้วกว่า 5,000 ตัวอย่าง ข้อมูลจึงเปิดเผยโปร่งใส เพื่อให้เห็นภาพรวมการกลายพันธุ์ของโลก” นพ.ศุภกิจกล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image