แพทย์เตือน รีบกระดกเหล้าถึงตาย ร่วมวงก๊งเสี่ยงแพร่โควิด แนะสื่อให้ ปชช.รู้ลิมิตตัวเอง

แพทย์เตือน รีบกระดกเหล้าถึงตาย ร่วมวงก๊งเสี่ยงแพร่โควิด แนะสื่อให้ ปชช.รู้ลิมิตตัวเอง

กรณีผู้บริหารระดับสูงของกรุงเทพมหานคร (กทม.) แนะนำประชาชนที่ออกไปดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านอาหาร ตามข้อกำหนดที่ กทม.อนุญาตให้นั่งดื่มแอลกอฮอล์ในร้านได้ถึงเวลา 21.00 น. แต่ร้านเปิดได้ถึงเวลา 23.00 น. โดยระบุว่า ถ้าถึงกำหนดเวลามีทางเลือก คือ ให้รีบดื่มให้หมด หรือไม่ก็ให้เททิ้ง หรือเอากลับบ้าน จนเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากถึงคำแนะนำดังกล่าวนั้น

เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน นพ.แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ กล่าวว่า กรณีการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หากรีบดื่มรวดเดียวจะอันตรายมาก เป็นการดื่มแบบบินจ์ (Binge drinking) ดื่มพรวดๆ ซึ่งอันตรายถึงเสียชีวิตได้ ดังนั้น ควรจะดื่มแบบจิบไปทีละน้อย เนื่องจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นสารพิษอย่างหนึ่ง ปกติเข้าสู่ร่างกายก็จะถูกขับออกอย่างรวดเร็ว ทางเหงื่อ ลมหายใจ ปัสสาวะ หากเข้าไปในปริมาณที่ขับออกทัน ร่างกายก็ยังอยู่ได้ แต่หากดื่มแล้วขับออกไม่ทัน ก็จะไปปิดการทำงานของสมอง ทำให้หยุดหายใจไปเลยได้ เช่น กรณีการรับน้องที่บังคับให้ดื่มมากๆ แล้วก็อาเจียนออก แล้วก็ยังกลับมาให้ดื่มอีก ซึ่งอันตรายมาก เพราะการอาเจียนออกมา เป็นการแสดงให้เห็นว่าร่างกาย รับไม่ไหวแล้วเป็นกลไกลของร่างกายที่จะจำกัดแอลกอฮอล์ออกมาเร็วที่สุด

นพ.แท้จริง กล่าวว่า สำหรับการดื่มในช่วงที่มีโรคติดต่อโควิด-19 ก็มีผลต่อการแพร่เชื้อได้ เมื่อดื่มเมาได้ที่ก็เริ่มกอดคอ ตะโกนคุยกัน ยิ่งเมาก็ยิ่งตะโกนดัง และเชื่อว่าการนั่งรับประทานอาหารก็ไม่มีใครสวมหน้ากากอนามัย ก็ยิ่งเสี่ยง นอกจากนั้น ยังมีเรื่องการเมาแล้วขับ ซึ่งเป็นอันตรายต่อบุคคลอื่นด้วย ถือเป็นการละเมิดสิทธิคนอื่น

“เหมือนกับการนำปืนออกมายิงในที่สาธารณะ แม้อาจยิงออกไปแต่ไม่โดนผู้อื่นแต่แน่นอนว่ามีโอกาสที่จะทำให้ผู้อื่นเกิดอันตรายได้ ซึ่งศาลมองกรณีนี้ว่า เจตนาเล็งเห็นผลได้ ส่วนการเมาแล้วขับ กฎหมายไทยยังไปไม่ถึง เมื่อมีการเมาแล้วขับไปชนคนตาย ศาลยังมองว่าเป็นการประมาท แต่ขณะนี้ เราอยู่ระหว่างการแก้ไขร่างเป็นกฎหมาย เพื่อให้ทุกคนรู้ว่า ต่อจากนี้การเมาแล้วขับรถชนคนตาย จะไม่ใช่กรณีประมาท แต่เป็นเจตนาเล็งเห็นผลได้ ดังนั้น ยิ่งการให้รีบกิน บางคนก็ออกมาขับรถ แต่หากเป็นการค่อยๆ กินแล้วค่อยๆ นั่งรอให้ระดับแอลกอฮอล์ลดต่ำกว่า 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ตามกฎหมายไทยที่รับได้ เราจึงสื่อสารว่า หากจะดื่ม ก็ให้ดื่มน้อยๆ รู้ลิมิตตัวเอง” นพ.แท้จริง กล่าวและว่า คำแนะนำสำคัญคือ คนที่จะไปดื่ม ก็ไม่ควรขับรถไป ควรใช้บริการรถสาธารณะ เพื่อความปลอดภัยของตัวเองและคนอื่น

Advertisement

นพ.แท้จริง กล่าวว่า มูลนิธิเมาไม่ขับรณรงค์ให้ร้านอาหารที่จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เตรียมชุดตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ให้สำหรับผู้เข้าใช้บริการ เพราะไม่มีใครรู้ว่าตัวเองกินแล้วเมา ทุกคนยิ่งกิน ยิ่งมั่นใจ ฮึกเหิมขึ้น ดังนั้น ก็ควรจะสร้างความปลอดภัยให้ทุกคน รวมถึงหากคนที่ไปกินอาหารที่ร้าน ไม่ได้ตั้งใจไปดื่ม เลยขับรถไปด้วย แต่เมื่อไปพบเพื่อนแล้วก็เริ่มดื่ม ส่วนนี้ก็แนะนำให้ใช้บริการคนขับรถในแอพพลิเคชั่นต่างๆ รวมถึงมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งเองก็มีบริการขับรถไปส่งให้ที่บ้านด้วย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image