สธ.จับตา 13 จว.ติดเชื้อเกินร้อย/วัน 6 จว. ฉีดคนแก่เกิน 80% ยังขาดอีก 12.4 ล้านโดส

สธ.จับตา 13 จว.ติดเชื้อเกินร้อย/วัน 6 จว. ฉีดคนแก่เกิน 80% ยังขาดอีก 12.4 ล้านโดสครบ 100

เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นพ.เฉวตสรร นามวาท ผู้อำนวยการกองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค แถลงสถานการณ์โรคโควิด-19 ในประเทศไทย ว่า วันนี้ยอดหายป่วย 7,655 ราย ซึ่งสูงกว่ายอดผู้ติดเชื้อรายใหม่คือ 6,855 ราย เสียชีวิต 51 ราย ภาคใต้สูงสุด 24 ราย ภาคกลาง 10 ราย กรุงเทพมหานคร 6 ราย ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ โรคเรื้อรัง จำนวนป่วยปอดอักเสบ ใส่เครื่องช่วยหายใจลดลง เสียชีวิตยังแกว่งตัวอยู่บ้าง 50-60 ราย

“แต่ยากที่จะเห็นต่ำลง หรือเป็น 0 เพราะเชื้อแพร่กระจายง่าย แต่การฉีดวัคซีนจะช่วยให้อาการไม่รุนแรง วันนี้พบผู้เดินทางผ่านช่องทางธรรมชาติ จากกัมพูชา 2 ราย ทั้งนี้ การตรวจ ATK ติดเชื้อประมาณร้อยละ 3 กลุ่มจังหวัดที่มีแนวโน้มต้องจับตามองเป็นพิเศษ 13 จังหวัด ตามหลักเกณฑ์คือถ้าติดเชื้อเฉลี่ยเกิน 100 รายต่อวัน และผลตรวจ ATK มากกว่า ร้อยละ 5 มี 5 จังหวัด ได้แก่ สงขลา ตรัง สุราษฎร์ธานี กระบี่ และนครศรีธรรมราช ส่วนที่พบ ATK พบน้อยกว่าร้อยละ 5 ได้แก่ ขอนแก่น สระแก้ว และนครราชสีมา และ ติดเชื้อ 80-100 รายต่อวัน คือ สระบุรี อุบลราชธานี อุดรธานี กาญจนบุรี และประจวบคีรีขันธ์ อย่างไรก็ตาม การวิเคราะห์คลัสเตอร์ที่ต้องให้ความสนใจเฝ้าระวังพิเศษ อย่างเรือนจำบางพื้นที่ผ่านพ้น บางพื้นที่พบขึ้นมา ที่พบเยอะช่วงนี้คือ ราชบุรี และ ศรีสะเกษ โรงงาน/สถานประกอบการ คือ ฉะเชิงเทรา ระยอง เชียงใหม่ ปราจีนบุรี ตลาด เชียงใหม่ สงขลา อุดรธานี ราชบุรี สระแก้ว” นพ.เฉวตสรร กล่าว

นพ.เฉวตสรร กล่าวว่า จังหวัดต่างๆ ทบทวนคลัสเตอร์ตั้งแต่ระลอกวันที่ 1 เมษายน 2564 อย่างเขตสุขภาพที่ 7 พบว่า ครอบครัว ชุมชน ร้อยละ 38 และ สถานประกอบการ ร้อยละ 10 เพื่อเห็นว่าความเสี่ยงอยู่จุดใด จะต้องดำเนินการอย่างไร ส่วนขอนแก่น ปัจจัยเสี่ยงเจอมากคือ ไม่ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรค เมื่อไปร่วมกิจกรรมตลาด งานศพ กฐิน งานบุญงานศพ ร้อยละ 44 สถานประกอบการ ร้อยละ 27 สังสรรค์รวมกลุ่ม ร้อยละ 19 กระทบการติดเชื้อในบุคลากร รพ. ร้อยละ 7 ส่วนนครศรีธรรมราช คลัสเตอร์สำคัญ คือ ครอบครัวชุมชน ร้อยละ 69 ตลาด ร้อยละ 8 เรือนจำและโรงงานบ้างเล็กน้อย

นพ.เฉวตสรร กล่าวว่า การเร่งรัดฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้ได้ 100 ล้านโดส ขณะนี้ยอดรายงานถึงวันที่ 18 พฤศจิกายน เวลา 18.00 น. ฉีดแล้ว 87.6 ล้านโดส ยังขาดอีก 12.4 ล้านโดส อย่างไรก็ตาม สำหรับการฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 อยู่ที่ 46.2 ล้านโดส คิดเป็น ร้อยละ 64.2 เป้าที่จะถึงร้อยละ 70 จึงต้องเดินหน้าต่อ ส่วนเข็มที่ 2 ฉีดแล้วกว่า 38 ล้านโดส คิดเป็นร้อยละ 53.3 ส่วนเข็มที่ 3 ฉีดแล้วกว่า 2.9 ล้านโดส คิดเป็นร้อยละ 4.1 ส่วนพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว ข้อมูลภาพรวมเข็มที่ 1 ฉีดครอบคลุมร้ยละ 79.5 ส่วนภาพรวมประชาการอยู่ที่ ร้อยละ 85.1 ส่วนเข็มที่ 2 อยู่ที่ ร้อยละ 72.2 อย่างไรก็ตาม จุดสำคัญของพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว เมื่อเปิดประเทศ อาจมีคนไทยในพื้นที่อื่นๆ หรือแรงงานประเทศเพื่อนบ้านเข้ามา จึงต้องฝากให้คนในชุมชนช่วยกันดูว่า มีแรงงานต่างด้าวที่เข้ามาใหม่และไม่ได้ฉีดวัคซีนหรือไม่ เพื่อติดต่อให้มีการฉีดวัคซีนต่อไป ซึ่งขณะนี้ในพื้นที่ให้ความสำคัญเรื่องนี้อยู่เช่นกัน

Advertisement

นพ.เฉวตสรร กล่าวอีกว่า สำหรับจังหวัดที่มีการได้รับวัคซีนเข็มที่ 1 ต่ำที่สุดพบ 10 จังหวัด (วันที่ 28 กุมภาพันธ์-วันที่ 18 พฤศจิกายน 2564) ประกอบด้วย นครพนม หนองบัวลำภู บึงกาฬ สกลนคร กาฬสินธุ์ ยโสธร แม่ฮ่องสอน สุรินทร์ ร้อยเอ็ด และชัยภูมิ อาจมีปัจจัยหลายอย่าง เช่น เป็นจังหวัดที่จำนวนผู้ติดเชื้อไม่ได้หวือหวามากนัก และประชาชนบางส่วนอาจมองว่า ความเสี่ยงต่ำ ขอรอก่อน แต่จริงๆ ทุกพื้นที่ที่การฉีดวัคซีนต่ำอยู่ ย่อมมีโอกาสหากเกิดกลุ่มก้อนติดเชื้อ อาจเพิ่มจำนวนได้ จึงขอให้ประเมินความเสี่ยง และขอให้มีการฉีดวัคซีนกว้างขวางมากขึ้น แต่หากพิจารณาในกลุ่ม 60 ปีขึ้นไป หลายพื้นที่ได้ฉีดวัคซีนเกินร้อยละ 70 แล้วก็ถือว่าเป็นต้นทุนที่ดี หากเกิดระบาดกลุ่มก้อน ก็จะลดความเสี่ยงอาการหนัก นอนรพ.ได้ จึงขอให้ทุกคนมารับวัคซีน

“ส่วนความครอบคลุมประชากรผู้สูงอายุและผู้มีโรคเรื้อรัง พบว่าฉีดวัคซีนเกินร้อยละ 80 มี 6 จังหวัด คือ ปทุมธานี นครพนาม สกลนคร กรุงเทพฯ เชียงใหม่ และสมุทรปราการ จะเห็นว่า นครพนม แม้ภาพรวมเข็มที่ 1 จะอยู่ต่ำ แต่ปรากฎว่าในกลุ่มผู้สูงอายุ และผู้ป่วยโรคเรื้อรังได้รับวัคซีนสูง จึงขอเป็นกำลังใจให้ประชากรอื่นๆ มาฉีดวัคซีนเพิ่มเติม” นพ.เฉวตสรร กล่าว

 

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image