โควิดระลอก3 หญิงท้องติดเชื้อแล้วกว่า 5 พันราย ตาย 102 คน สธ.ชี้วัคซีนปลอดภัยทั้งแม่-ลูก

โควิดระลอก3 หญิงท้องติดเชื้อแล้วกว่า 5 พันราย ตาย 102 คน สธ.วอนฉีดวัคซีนปลอดภัยทั้งแม่-ลูก

เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นพ.เอกชัย เพียรศรีวัชรา ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมสุขภาพ และโฆษกกรมอนามัย กล่าวถึงการระบาดของโรคโควิด-19 ระลอก 3 ว่า มีหญิงตั้งครรภ์ติดเชื้อสูง 5,516 ราย ส่วนใหญ่อยู่ในกรุงเทพมหานคร ปริมณฑล และภาคใต้ ในจำนวนนี้ คลอดแล้ว 3,000 กว่าราย โดยผ่าคลอดร้อยละ 53 ในจำนวนนี้มีทารกติดเชื้อ 238 ราย เป็นการสัมผัสโดยตรงหลังคลอด คิดเป็นร้อยละ 7 ของจำนวนเด็กคลอด ที่น่าเสียใจคือ 5-6 เดือนที่ผ่านมา หญิงตั้งครรภ์ เสียชีวิต 102 ราย ทารกเสียชีวิตตามแม่ 51 ราย ส่วนตัวเลขล่าสุด ภายหลังการรณรงค์ฉีดวัคซีนโควิด-19 ในกลุ่มหญิงตั้งครรภ์ ฉีดเข็มที่ 1 จำนวน 86,602 ราย เข็มที่ 2 จำนวน 66,784 ราย และเข็มที่ 3 จำนวน 1,009 ราย ทำให้จากที่เคยติดเชื้อสูง และเสียชีวิตสูงในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา พบว่าสถานการณ์ลดลงเรื่อยๆ กระทั่งเดือนตุลาคม เสียชีวิตเพียง 10 ราย เดือนพฤศจิกายน ติดเชื้อเหลือ 300 คน และยังไม่มีรายงานเสียชีวิต

“สตรีมีครรภ์ที่ติดเชื้อโควิด-19 ทั้งหมดนั้น พบว่าร้อยละ 92 ที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนเลยแม้แต่เข็มเดียว แต่เป็นที่น่าสังเกตว่าคนที่ฉีดครบ 2 เข็ม หรือ 133 คน นั้น ไม่มีใครที่เสียชีวิตเลย และมีอาการเพียงเล็กน้อย ไม่มีปอดอักเสบต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ แสดงให้เห็นว่า ฉีดวัคซีนแล้วยังติดเชื้อได้ แต่ไม่มีอาการรุนแรง ปอดอักเสบ และเสียชีวิตแต่อย่างใด” นพ.เอกชัย กล่าว

โฆษกกรมอนามัย กล่าวว่า ขณะนี้หลายเขตสุขภาพ พยายามฉีดวัคซีนให้ได้มากที่สุด โดยภาคใต้พบว่า ฉีดได้มากขึ้น อาจะเพราะมีการระบาดมาก เช่น เขต 12 ฉีดได้เกินร้อยละ 40 ขึ้นไป ปัตตานี ฉีดได้ทะลุเป้าหมาย คือมากกว่าร้อยละ 75 เพราะมีการรณรงค์เชิงรุก

“แต่อีกหลายเขตฯ ทางภาคเหนือ อีสานยังฉีดในสตรีมีครรภ์น้อยอยู่ ทั้งนี้ จากการคาดการณ์จำนวนหญิงตั้งครรภ์ประมาณ 5 แสนคนต่อปี เมื่อตัดผู้ที่มีอายุครรภ์ 0-3 เดือนออกไป จะทำให้มีกลุ่มเป้าหมายอายุครรภ์ 3 เดือนขึ้นไปที่ต้องรับวัคซีนจำนวน 281,500 ราย ขณะนี้ฉีดเข็มที่ 1 เพียง 86,602 คน คิดเป็นร้อยละ 30.8 เท่านั้น ยังเหลืออีกกว่าร้อยละ 70 ที่ต้องขอเชิญชวนให้เข้ามาฉีด เพราะหากไม่ฉีดแล้วเกิดการติดเชื้อจะเสี่ยงมีอาการรุนแรงได้ ขอยืนยันว่าวัคซีนที่รัฐจัดมาให้ฉีดนั้น เป็นวัคซีนที่มีคุณภาพ มีความปลอดภัย และตอนนี้มีปริมาณเพียงพอ ไม่ว่าจะอยู่ที่จังหวัดไหนสามารถขอรับวัคซีนได้” นพ.เอกชัย กล่าว

Advertisement

ทั้งนี้ นพ.เอกชัย กล่าวว่า จากการสำรวจหญิงตั้งครรภ์ 2,000 คน ที่ยังไม่ฉีดวัคซีนร้อยละ 65 หรือ 2 ใน 3 ยังกังวลถึงอันตรายต่อทารก ซึ่งมีงานวิจัยทั่วโลก และการฉีดในหญิงตั้งครรภ์ที่ผ่านมา เช่น สหรัฐอเมริกาฉีดเป็นแสนๆ ราย ยังไม่พบผลกระทบต่อทารก ส่วนไทยฉีด 90,000 ราย พบแท้ง 5 ราย ทารกเสียชีวิตในครรภ์ 5 ราย คิดเป็น ร้อยละ 0.5 แต่พิสูจน์แล้วไม่ได้เกี่ยวข้องกับวัคซีน ถือว่าต่ำมากเมื่อเทียบอุบัติการเกิดตามธรรมชาติที่ไม่ได้ฉีดวัคซีน คือแท้งธรรมชาติร้อยละ 10-15 ดังนั้นได้ข้อสรุปว่าจะเร่งฉีดให้หญิงตั้งครรภ์ โดยเฉพาะพื้นที่สีแดงเข้ม หรือพื้นที่สีฟ้าที่เปิดให้นักท่องเที่ยวมาเที่ยวเพื่อลดความเสี่ยง กรณีคนที่ยังกังวลและยังไม่ฉีดก็จะเร่งฉีดให้คนในครอบครัวให้ครบก่อน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image