‘แพทย์’ เผยโอไมครอนเก่งผสมไวรัสโคโรนาตัวอื่นได้ คาดรุนแรงน้อย แต่แพร่ไว ส่อเป็นตัวกระตุ้นภูมิฯ ปรับเป็นเชื้อประจำถิ่น

‘แพทย์’ เผยโอไมครอนเก่งผสมไวรัสโคโรนาตัวอื่นได้ คาดรุนแรงน้อย แต่แพร่ไว ส่อเป็นตัวกระตุ้นภูมิฯ ปรับเป็นเชื้อประจำถิ่น

เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม ศ.เกียรติคุณ วสันต์ จันทราทิตย์ หัวหน้าศูนย์จีโนมทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม ฐานข้อมูลกลางโควิด-19 โลก หรือ GISIAD บันทึกข้อมูลจากนักวิทยาศาสตร์ที่ช่วยกันสุ่มตรวจตัวอย่างเชื้อ 6 ล้านตัวอย่าง ระบุว่า ไม่มีไวรัสสายพันธุ์ไหนสามารถดึงสายพันธุกรรม หรือจีโนมบางชิ้นส่วนของไวรัสตัวอื่นเข้ามาผสมในจีโนมตัวเอง ยกเว้นโอไมครอน ซึ่งมีความสามารถพิเศษต่างจากไวรัสโคโรนา 2019 สายพันธุ์อื่น โดยสามารถดึงเอาจีโนมบางส่วนของบรรดาไวรัสโคโรนาที่ติดต่อในมนุษย์ที่ก่อให้เกิดโรคหวัดเข้ามาผนวกไว้ในสายจีโนมของตัวเองได้ และสร้างกรดอะมิโน 3 ตัวที่ต่างไปจากไวรัสโคโรนา 2019

“นักวิทยาศาสตร์วิเคราะห์ว่าอาจจะเป็นประเด็นที่ทำให้โอไมครอนต่างจากสายพันธุ์อื่น คือไม่รุนแรง แต่ติดเชื้อได้รวดเร็ว คล้ายกับไวรัสไข้หวัดธรรมดา แต่ที่เราต้องดูต่อไป ต้องระวังเนื่องจากพฤติกรรมที่สามารถดึงสายพันธุกรรมไวรัสตัวอื่นเข้ามาได้ หากไปดึงสายพันธุ์อื่นเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นเดลต้า อัลฟ่า เบต้า เข้ามาได้ จะเกิดอะไรขึ้น อาการจะรุนแรงหรืออ่อนกำลังลงยังไม่มีใครรู้ ยังต้องติดตาม ความจริงโอไมครอนอาจจะเรียกได้ว่าเป็นไวรัสลูกผสมกลายๆ ก็ได้ เนื่องจากมีสายพันธุกรรมของไวรัสไข้หวัดธรรมดาผนวกอยู่ด้วย มีคุณสมบัติพิเศษ ไม่เหมือนตัวอื่น” ศ.เกียรติคุณ วสันต์ กล่าว

ศ.เกียรติคุณ วสันต์ กล่าวว่า ต้องใช้เวลาประมาณ 1-2 เดือน จึงจะเห็นว่าโอไมครอนจะเป็นไวรัสที่ก่อให้เกิดเป็นโรคประจำถิ่นหรือไม่ ซึ่งตอนนี้ทั่วโลกก็กำลังจับตาดูสถานการณ์โดยเฉพาะข้อมูลจากอังกฤษเพราะมีการระบาดอยู่ หากในที่สุดแทนเดลต้าได้และอัตราเสียชีวิตน้อย ก็มีความชัดเจนว่าโอไมครอนไม่รุนแรง แต่ติดเชื้อได้ไว้ และมีโอกาสที่จะกระตุ้นภูมิคุ้มกันเนื่องจากไม่เกิดการเจ็บป่วยรุนแรง ก็อาจจะคล้ายกับไข้หวัดธรรมดาที่มาตามฤดูกาล ก็จะเข้าสู่โหมดที่เรียกว่าโรคประจำถิ่น ซึ่งเราก็คาดหวังว่าจะเป็นเช่นนั้น อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ที่อังกฤษน่าสนใจ ที่โอไมครอนระบาดมากขึ้น ต้องติดตามว่าจะมีผู้เสียชีวิตกี่ราย ที่มีรายงานขณะนี้มีเพียงรายเดียว ต้องเข้าใจด้วยว่าโดยทั่วโปผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ก็มีการเสียชีวิตเช่นกัน ต้องติดตามสักพัก หากจำนวนผู้ติดเชื้อมากแต่ผู้เสียชีวิตน้อยก็คงพอไหว หากมีผู้เสียชีวิตมากก็ต้องระวัง คำแนะนำสำหรับไทยสิ่งที่ควรจะเร่งดำเนินการคือการฉีดกระตุ้นเข็มที่ 3

ผู้สื่อข่าวถามว่าไทยพบผู้ติดเชื้อโอไมครอนเป็นผู้เดินทางเข้าประเทศแล้ว 11 ราย มีข้อสังเกตอย่างไรว่าจะมีโอกาสแพร่ระบาดในประเทศหรือไม่ ศ.เกียรติคุณ วสันต์ กล่าวว่า ดูได้ง่าย โดยเฉพาะในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล หรือพื้นที่ภาคกลาง ซึ่งสถานการณ์เวลานี้อยู่ในช่วงขาลง ดังนั้น ไม่ค่อยมีปรากฏว่าหลังระบาดของเดลต้าซึ่งอยู่ในช่วงขาลงแล้วจะมีระบาดขึ้นมาอีก เพราะมีภูมิคุ้มกันอยู่แล้ว

Advertisement

“ฉะนั้น หากพบว่าจุดไหนมีการติดเชื้อระบาดขึ้นมาอาจจะตั้งข้อสันนิษฐานว่าเป็นโอไมครอนหรือไม่ ดังนั้น บริเวณไหนมีการติดเชื้อระบาดขึ้นมากรมควบคุมโรคอาจจะต้องพิจารณาแล้วว่ามีความเป็นไปได้ว่าเป็นโอไมครอนหรือไม่ โดยตรวจด้วย RT-PCR เพื่อดูว่าเป็นสายพันธุ์ใดคร่าวๆ ได้ โดยส่วนตัวคิดว่าโอไมครอนมีการติดต่อที่ง่าย จึงมีโอกาสที่จะเข้ามาและมีการติดเชื้อภายในประเทศได้ หากเข้ามาเป็นหย่อมๆ แล้วเราทันหรือไม่ที่จะเข้าไปตัดตอนไม่ให้กระจาย แต่ด้วยที่เรามีภูมิคุ้มกันโดยธรรมชาติและที่ฉีดวัคซีนกันก็คิดว่าน่าจะยันอยู่” ศ.เกียรติคุณ วสันต์ กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image