อนุทินห่วง ปชช.เดินทางปีใหม่ สั่ง สปสช.รับมือเจ็บป่วยสิทธิยูเซ็ป/บัตรทอง พร้อมดูแล

อนุทินห่วง ปชช.เดินทางปีใหม่ สั่ง สปสช.รับมือเจ็บป่วยสิทธิยูเซ็ป/บัตรทอง พร้อมดูแล

วันนี้ (30 ธันวาคม 2564) นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า ในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2565 ที่มีวันหยุดยาวระหว่างวันที่ 31 ธันวาคม 2564 ถึงวันที่ 3 มกราคม 2565 ประชาชนส่วนใหญ่จะเดินทางไปต่างจังหวัดเพื่อกลับบ้าน หรือเยี่ยมเยียนครอบครัว นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้สั่งการให้ สปสช.ดูแลพร้อมแจ้งผู้มีสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือสิทธิบัตรทอง หากเจ็บป่วยต้องเข้ารักษาที่โรงพยาบาล ในการเข้ารับบริการแบ่งเป็น 2 กรณี ดังนี้

1.กรณีเจ็บป่วยฉุกเฉินระดับวิกฤต หากไม่รักษาทันทีมีโอกาสเสียชีวิตสูง สามารถเข้ารับการรักษาพยาบาลได้ที่สถานพยาบาลทุกแห่งที่อยู่ใกล้สุดโดยเร็ว เป็นไปตามนโยบายเจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤต มีสิทธิทุกที่ (Universal Coverage for Emergency Patients : UCEP) ของรัฐบาล โดยให้สถานพยาบาลที่ให้การรักษาเบิกค่าใช้จ่ายค่ารักษาจาก สปสช.ตามอัตราที่กำหนด

2.กรณีเจ็บป่วยที่ไม่ใช่ฉุกเฉินระดับวิกฤต หรือกรณีผู้มีสิทธิบัตรทองที่เดินทางไปต่างถิ่นแล้วมีความจำเป็นต้องเข้ารักษาที่โรงพยาบาล เช่น มีความดันโลหิตขึ้นสูง ปวดศีรษะมาก เกิดภาวะท้องเสียรุนแรง เป็นต้น กรณีนี้ให้เป็นไปตามข้อบังคับ สปสช.ว่าด้วยการใช้สิทธิรับบริการสาธารณสุขกรณีที่มีเหตุสมควร กรณีอุบัติเหตุหรือกรณีเจ็บป่วยฉุกเฉิน (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2558 ระบุว่าผู้ป่วยสิทธิบัตรทองหากมีเหตุสมควร หรือกรณีอุบัติเหตุฉุกเฉิน หรือกรณีเจ็บป่วยฉุกเฉิน สามารถเข้ารับการรักษาในสถานพยาบาลอื่นที่ไม่ได้ลงทะเบียนหน่วยบริการประจำและสถานพยาบาลที่ไม่ได้เข้าร่วมให้บริการในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ตามมาตรา 7 พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2545

นพ.จเด็จกล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ขอแนะนำประชาชนผู้มีสิทธิให้เข้ารับบริการสถานพยาบาลของรัฐและสถานพยาบาลเอกชนที่เข้าร่วมโครงการที่อยู่ใกล้ที่สุดก่อน ไม่มุ่งเจาะจงเข้าสถานพยาบาลเอกชนเท่านั้น เนื่องจากการเบิกจ่ายค่ารักษาจะเป็นไปตามระเบียบที่กำหนดไว้

Advertisement

“ในการเข้ารับบริการรักษาพยาบาลฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้นได้เพื่อความสะดวก นอกจากเตรียมบัตรประจำตัวประชาชนที่เป็นหลักฐานสำคัญแล้ว ควรศึกษาข้อมูลหน่วยบริการที่อยู่ในพื้นที่ระหว่างเดินทางและจุดหมายปลายทาง เพื่อเป็นข้อมูลสำคัญในการเข้ารับการรักษาพยาบาลยังหน่วยบริการที่ใกล้ที่สุดโดยเร็ว และเพื่อความไม่ประมาท ส่วนประชาชนที่เจ็บป่วยด้วยโรคประจำตัวที่ต้องรับประทานยาต่อเนื่อง อาทิ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง และหอบหืด เป็นต้น ควรเตรียมพร้อมยารักษาโรคเพื่อให้เพียงพอสำหรับการเดินทาง” นพ.จเด็จกล่าว

เลขาธิการ สปสช.กล่าวว่า ส่วนกรณีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 โดยเฉพาะจากสายพันธุ์โอมิครอนนั้น ขณะนี้ สธ.ประเมินว่าไทยอยู่ในการเตือนภัยโควิดระดับ 3 คือการ จำกัดการรวมกลุ่ม ซึ่ง สธ.ได้ให้ข้อแนะนำดังนี้ งดเข้าสถานที่ปิด ทำงานที่บ้าน คัดกรองโควิดด้วยชุดตรวจ ATK ก่อนเดินทาง โดยสามารถไปสถานที่เสี่ยงได้ เช่น ร้านอาหาร แต่ควรเป็นระบบเปิด อากาศถ่ายเทสะดวก คนไม่แออัด ดื่มสุราได้ การรวมตัวหมู่มากไม่ควรเกิน 200 คน ดำเนินกิจการตาม COVID Free Setting (แนวปฏิบัติของมาตรการเพื่อลดความเสี่ยงในการแพร่โรค) เดินทางข้ามจังหวัดได้ หากเกิน 4 ชั่วโมง ควรมีการตรวจ ATK ป้องกันตนเองสูงสุดตลอดเวลา สวมหน้ากาก 100% ชะลอการเดินทางไปต่างประเทศ เมื่อกลับเข้าประเทศช่วง 7 วันแรก ขอให้สังเกตอาการตนเอง อย่าเพิ่งทำกิจกรรมที่ต้องถอดหน้ากากในคนหมู่มาก หลีกเลี่ยงสัมผัสใกล้ชิดกลุ่มเสี่ยง ทั้งคนในครอบครัวและคนรู้จัก และช่วงกลับมาทำงานหลังเทศกาลปีใหม่อาจมีการระบาดมากขึ้น ขอให้ทำงานที่บ้านอย่างต่อเนื่อง และตรวจคัดกรองก่อนเข้าทำงาน ทั้งนี้ หากมีข้อสงสัยเรื่องการใช้สิทธิบัตรทองสามารถสอบถามได้ที่สายด่วน สปสช. โทร 1330 ขณะที่กรณีเจ็บป่วยฉุกเฉินนั้น โทร 1669 ได้ทั่วประเทศ

 

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image