อนุทิน มอบของขวัญปีใหม่ ผู้ป่วยบัตรทองรักษาหน่วยปฐมภูมิที่ไหนก็ได้

อนุทิน มอบของขวัญปีใหม่ ผู้ป่วยบัตรทองรักษาหน่วยปฐมภูมิที่ไหนก็ได้

วันนี้ (2 มกราคม 2565) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า การยกระดับบัตรทอง เป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญที่ตนได้มอบหมายให้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ร่วมกับ สธ.ดำเนินการ โดยเน้นใน 4 บริการ ได้แก่ 1.ประชาชนที่เจ็บป่วยไปรับบริการกับหมอประจำครอบครัว ในหน่วยบริการปฐมภูมิที่ไหนก็ได้ หรือ 30 บาทรักษาทุกที่ 2.ผู้ป่วยในไม่ต้องกลับไปรับใบส่งตัว 3.โรคมะเร็งไปรับบริการที่ไหนก็ได้ และ 4.ย้ายหน่วยบริการได้สิทธิทันที ไม่ต้องรอ 15 วัน

 

“ในส่วนของการยกระดับบัตรทอง 30 บาท ให้เป็น 30 บาท รักษาทุกที่ ซึ่งนำร่องในบางพื้นที่เมื่อปี 2564 ที่ผ่านมา ในปีนี้จะมีการขยายให้ครอบคลุมทั่วประเทศ เป็นของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชนไทย ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2565 เป็นต้นไป หากประชาชนอยู่ในพื้นที่ที่ไม่ใช่หน่วยบริการประจำที่ลงทะเบียนไว้ แล้วเกิดการเจ็บป่วยที่ไม่ใช่กรณีป่วยฉุกเฉิน สามารถเข้ารับบริการในระบบบริการปฐมภูมิที่ไหนก็ได้ทั่วประเทศ โดยที่หน่วยบริการจะไม่มีการเรียกให้กลับไปรับใบส่งตัวมาเหมือนในอดีต ที่เคยเป็นปัญหากับพี่น้องประชาชน” นายอนุทิน กล่าวและว่า การยกระดับนโยบายนี้ เพราะเชื่อว่าประชาชนที่เจ็บป่วยอาจมีความจำเป็นต้องเข้ารับบริการในพื้นที่นอกหน่วยบริการที่ตัวเองลงทะเบียนไว้ ซึ่งที่ผ่านมา อาจต้องถูกเรียกให้กลับไปรับใบส่งตัวมาอีกครั้ง อันเป็นความทุกข์ของประชาชน

Advertisement

รัฐมนตรีว่าการ สธ.กล่าวว่า ได้ประกาศแนวทางนี้ให้เป็นนโยบาย และเป็นของขวัญปีใหม่ 2565 แก่พี่น้องประชาชน ทั้งนี้ ที่ผ่านมา จากการดำเนินงานนโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่นำร่องในบางพื้นที่ โดยเฉพาะภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่เริ่มใช้แนวทางนี้ พบว่าเป็นประโยชน์กับประชาชนจริง ช่วยลดขั้นตอนยุ่งยาก ทำให้ผู้ป่วยสิทธิบัตรทองเข้าถึงการรักษาได้เพิ่มขึ้น

ด้าน นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการ สปสช. กล่าวว่า สปสช.ในฐานะที่มีบทบาทในการสนับสนุนด้านงบประมาณ ก็ได้รับนโยบายนี้มาพร้อมจัดระบบงบประมาณเพื่อสนับสนุนให้เกิดกลไกดังกล่าว หลักการของนโยบายนี้คือ ประชาชนยังคงเข้ารับบริการที่หน่วยบริการประจำที่ลงทะเบียนและหน่วยบริการปฐมภูมิในเครือข่าย แต่กรณีมีความจำเป็นหรือเหตุสมควรสามารถเข้ารับบริการปฐมภูมิที่หน่วยบริการปฐมภูมินอกเครือข่ายได้ โดยตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2565 หน่วยบริการทุกแห่งที่ให้บริการประชาชนในลักษณะนี้ จะไม่ต้องให้ประชาชนกลับไปรับใบส่งตัว หรือมีการเรียกเก็บเงินจากประชาชน แต่ให้เรียกเก็บเงินจาก สปสช. ซึ่งได้จัดเตรียมงบประมาณเอาไว้แล้วต่างหาก เพื่อจัดสรรให้ตามที่โรงพยาบาลเรียกเก็บ ในราคาที่โรงพยาบาลส่วนใหญ่ยอมรับได้ ไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาลขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่

“ขอประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบ และยืนยันว่าไม่จำเป็นที่จะต้องกลับไปรับใบส่งตัวอีก เพราะในอดีตโรงพยาบาลอาจมีความเข้าใจว่าต้องให้คนไข้กลับไปรับใบส่งตัวเพื่อที่จะมาเบิกเงินได้ แต่เรายกเลิกระบบนี้แล้ว ดังนั้น ต่อไปนี้หน่วยบริการสามารถเบิกเงินเข้ามากับ สปสช. ได้ทันทีตามรายการที่เรียกเก็บ ซึ่งขณะนี้มีรายการที่เบิกได้จำนวนกว่า 1,000 รายการ และหากรายการใดที่ยังอาจมีไม่ครบถ้วน สปสช.ก็ยินดีที่จะจ่ายให้ตามที่โรงพยาบาลเรียก เพื่อให้ความสะดวกกับประชาชน และลดความกังวลของโรงพยาบาล ว่าท่านจะได้รับการจ่ายอย่างแน่นอน และเป็นการจ่ายในระดับราคาที่พึงพอใจ” นพ.จเด็จ กล่าว

Advertisement

เลขาธิการ สปสช. กล่าวว่า บริการสุขภาพปฐมภูมิ คือ บริการสุขภาพด่านแรกของระบบบริการสาธารณสุข ซึ่งมีบทบาทในการดูแลสุขภาพประชาชนในท้องถิ่นโดยเน้นการป้องกันไม่ให้ป่วย หากเจ็บป่วยจะได้รับการดูแลรักษาเบื้องต้น (และครอบคลุมในกรณีที่จำเป็นจะต้องส่งต่อผู้ป่วยไปยังสถานพยาบาลที่รักษาโรคซับซ้อนมากขึ้น) ทั้งนี้ รวมถึงบริการฟื้นฟูสุขภาพด้วย

“ตัวอย่างหน่วยบริการปฐมภูมิ เช่น สถานีอนามัย, โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล (รพ.สต.), หน่วยบริการปฐมภูมิของโรงพยาบาล, ศูนย์สุขภาพชุมชน ศูนย์บริการสาธารณสุข รวมถึง คลินิกชุมชนอบอุ่น เป็นต้น สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 1330 ตลอด 24 ชม. หรือ คลิก https://lin.ee/zzn3pU6 เพิ่มเพื่อนไลน์กับ สปสช. @nhso” นพ.จเด็จ กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image