ศบค. เผยยอดฉีดบูสต์เข็ม 3 สูงถึง 3.3 แสนโดส เตรียมปรับสูตร ‘ไฟเซอร์’ ฉีดเด็ก 5-11 ปี

ศบค.เผยยอดฉีดบูสต์เข็ม 3 สูงถึง 3.3 แสนโดส เตรียมปรับสูตร “ไฟเซอร์” ฉีดเด็ก 5-11 ปี

เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2565 ที่ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) พญ.สุมนี วัชรสินธุ์ ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารความเสี่ยงและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ กรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า ข้อมูลการฉีดวัคซีนโควิด-19 ณ วันที่ 11 มกราคม 2565 ฉีดได้ 5.13 แสนโดส โดยเป็นเข็ม 3 มากที่สุด คือ 3.3 แสนโดส นอกจากเร่งรัดเข็มกระตุ้น กลุ่มสำคัญที่ต้องมาฉีดเข็ม 4 คือ บุคลากรทางการแพทย์ เนื่องจากให้บริการดูแลรักษาผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้น จะได้มีภูมิคุ้มกันต่อสู้ขณะทำงาน โดยวันนี้รายงานติดเชื้อกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ใน กทม. ซึ่งก่อนหน้านี้มีการติดเชื้อในกลุ่มบุคลากรมาเป็นระยะ

โดยสูตรแนวทางให้วัคซีนโควิด-19 หากไม่ได้รับมาก่อนเลย ในกลุ่มอายุมากกว่า 18 ปีขึ้นไป สามารถใช้สูตร แอสตร้าเซนเนก้า 2 เข็ม, แอสตร้าฯ-ไฟเซอร์ และซิโนแวค-แอสตร้าฯ ส่วนกลุ่มนักเรียนนักศึกษาอายุ 12-17 ปี ใช้สูตรไฟเซอร์ 2 เข็มเป็นหลัก ส่วนเข็มกระตุ้น กรณีฉีดครบช่วง สิงหาคม-ตุลาคม 2564 หากรับสูตรไขว้ซิโนแวค-แอสตร้าฯ ให้รับแอสตร้าฯ เป็นหลัก ส่วนรับแอสตร้าฯ 2 เข็ม ให้มากระตุ้นด้วยไฟเซอร์เป็นหลัก กรณีเชื้อตาย 2 เข็ม ไม่ว่าซิโนแวคหรือซิโนฟาร์ม หากครบ 4 สัปดาห์แล้วมารับด้วยแอสตร้าฯ เป็นหลัก

พญ.สุมนีกล่าวอีกว่า ที่ประชุมศูนย์ปฏิบัติการตอบโต้ภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุข (Emergency Operation Center : EOC) ของกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) หารือเรื่องการเปิดปิดโรงเรียนและสถานศึกษา จากสถานการณ์การระบาดทำให้มีโรงเรียนและสถาบันการศึกษาปรับการเรียนการสอนจากออนไซต์มาเป็นออนไลน์เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) และ สธ. มีการประชุมกันและจัดทำมาตรการป้องกันต่างๆ คือ ประเมินสถานศึกษาเตรียมพร้อมก่อนเปิดภาคเรียน ทำแผนเผชิญเหตุกรณีพบการติดเชื้อของนักเรียน นักศึกษา และบุคลากรในโรงเรียน

ทั้งนี้ การติดเชื้อโควิดข้อมูลตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2564 – 7 มกราคม 2565 โดยข้อมูลวันที่ 7 มกราคม 2565 ที่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 7,526 ราย เป็นกลุ่มอายุ 0-19 ปี จำนวน 1,048 ราย คิดเป็น 13.9% โดย 10 จังหวัดที่นักเรียนอายุ 6-18 ปีติดเชื้อมากที่สุด คือ กทม. ชลบุรี อุบลราชธานี สมุทรปราการ พังงา กาฬสินธุ์ ภูเก็ต ขอนแก่น พัทลุง และร้อยเอ็ด ซึ่งติดเชื้อจากการสัมผัสยืนยัน หากเป็นนักเรียนส่วนใหญ่ติดจากคนในครอบครัว ขณะที่ครูติดจากเพื่อนร่วมงาน

Advertisement

หลักการจัดการป้องกันควบคุมโรคสถานศึกษา มีการชี้แจงจังหวัดต่างๆ ว่า มีการดำเนินการโดย 6 มาตรการหลัก เช่น เว้นระยะห่าง สวมหน้ากากตลอดเวลา ล้างมือ วัดไข้ ไม่ทำกิจกรรมที่มีคนแออัดจำนวนมาก, 6 มาตรการเสริม เช่น ใช้ช้อนกลางส่วนตัว ลงทะเบียนก่อนเข้าออกสถานศึกษา เป็นต้น และ 7 มาตรการเข้มงวด คือ ประเมินด้วย Thai Stop COVID+ ซึ่งผลการประเมินสถานศึกษา บุคลากรในโรงเรียน และนักเรียน ผ่านเกือบ 100% แล้ว มีการทำแผนเผชิญเหตุ เพื่อใช้ในการดำเนินงานป้องกันควบคุมโรค ซึ่งมีการส่งไปยังจังหวัดต่างๆ และต้องมีการซักซ้อมสม่ำเสมอ รวมถึงเพิ่มภูมิคุ้มกันบุคลากรในโรงเรียนและครู ซึ่งการเปิดเรียนต้องรับวัคซีนเกิน 75% ส่วนนักเรียนเราฉีดให้แก่อายุ 12 ปีขึ้นไป ดำเนินการไปแล้ว และเวลาจะเข้าไปเรียนมีการคัดกรองตรวจด้วยเอทีเคเป็นระยะ

“แผนเผชิญเหตุ อาทิ ถ้าพบนักเรียนหรือครูติดเชื้อ 1 คนดำเนินการอย่างไรต่อ เช่น สอบสวนโรค ปิดห้องเรียนนั้น 3 วันเป็นต้น การเจอผู้ติดเชื้อ 1-2 คนหรือเท่าไร ไม่จำเป็นต้องปิดเรียนทั้งโรงเรียน ดำเนินการตามแผนเผชิญเหตุ ซึ่งการปิดทั้งโรงเรียนจะทำให้เกิดผลกระทบต่อการศึกษาของเด็กหรือนักศึกษา ซึ่ง 2 ปีที่ผ่านมามีผลกระทบอย่างมาก การจัดการในโรงเรียนสถานศึกษาขอให้คณะกรรมการโรคติดต่อ กทม./จังหวัด ประชาสัมพันธ์ ทำแผนเผชิญเหตุให้โรงเรียนในทุกพื้นที่ทั้งภาครัฐ เอกชน และรูปแบบประเภทต่างๆ ให้เข้าใจควบคุมโรคตรงกันและนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์” พญ.สุมนีกล่าว

พญ.สุมนีกล่าวว่า ส่วนข้อมูลการฉีดวัคซีนในกลุ่มอายุ 12-17 ปี จำนวน 5 ล้านกว่าคน แจ้งประสงค์รับวัคซีน 4.3 ล้านกว่าคน คิดเป็น 83.85% รับวัคซีนเข็มแรกแล้ว 95% ฉีดครบโดส 70.43% ข้อมูลตามรายภาค พบว่า ภาคกลางครบโดส 68% อีสาน 65.98% ภาคใต้ 73.42% ภาคเหนือ 82.24% ภาคตะวันออก 75.26% และภาคตะวันตก 76.24%

Advertisement

ส่วนวัคซีนในเด็กอายุ 5-11 ปี สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) อนุมัติให้ใช้วัคซีนไฟเซอร์ในกลุ่มอายุ 5-11 ปี แต่วัคซีนจะต่างจากที่ใช้ในผู้ใหญ่ โดยวัคซีนในเด็กจะมีฝาสีส้ม ขนาด 10 ไมโครกรัมต่อโดส ส่วนผู้ใหญ่ฝาสีม่วง ขนาด 30 ไมโครกรัมโดส ไม่สามารถเอาโดสของผู้ใหญ่มาแบ่ง 3 โดส เป็นอย่างละ 10 ไมโครกรัมมาฉีดให้เด็กได้ หรือไม่สามารถใช้แทนกันได้ เด็กต้องใช้เฉพาะของเด็กเท่านั้น ส่วนผู้ใหญ่หรือเด็กโตขึ้นไปใช้ 30 ไมโครกรัม ซึ่งวัคซีนโดสเด็กมีการสั่งเข้ามาแล้ว จะเริ่มทยอยเข้ามาปลายเดือนนี้หรือในกุมภาพันธ์ ถือว่าเร็วมาก เพราะโดสเด็กเป็นที่ต้องการของทั่วโลก ประเทศเรานำเข้ามาถือว่าเป็นอันดับ 2 ที่ได้วัคซีนเด็กในทวีปเอเชีย ตอนนี้มีการเตรียมแผนการฉีดเด็กอายุ 5-11 ปีแล้ว เตรียมการฉีดไล่ตามอายุลงมาจาก 11 ปีลงมาถึง 5 ปี

สำหรับวัคซีนเชื้อตายสำหรับเด็ก ทั้ง 2 ยี่ห้อ คือ ซิโนแวคและซิโนฟาร์ม อย.กำลังเร่งขึ้นทะเบียนอยู่ รอผ่านมติอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกัน ซึ่งดำเนินการควบคู่กันอยู่ หากผ่านแล้ว ผู้ปกครองก็เลือกสูตรฉีดให้บุตรหลานได้ตามสมัครใจ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image