กทม.ย้ำ! พร้อมดูแลผู้ป่วยโควิดที่บ้าน เผยยังอยู่ในระบบอีก 5 พันราย
เมื่อวันที่ 28 มกราคม นพ.ชวินทร์ ศิรินาค รองปลัดกรุงเทพมหานคร (กทม.) นำคณะผู้บริหาร กทม.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ตรวจความพร้อมของศาสนสถาน และศาลเจ้า ในย่านเยาวราช เขตสัมพันธวงศ์ เพื่อควบคุมกำกับการปฎิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 พร้อมกับการรณรงค์ลดการจุดเทียน เผากระดาษ เพื่อลดปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ในช่วงเทศกาลตรุษจีน ประจำปี 2565 โดยมีพระอาจารย์จีนคณาณัติจีนพรต (เย็นงี้) คณะสงฆ์เจ้าหน้าที่วัดและศาลเจ้า ร่วมให้ข้อมูล
นพ.ชวินทร์ กล่าวว่า สถานการณ์การแพร่เชื้อโควิด-19 ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ถือว่ายังทรงๆ เพราะฉะนั้น กิจกรรมใดที่เกิดการรวมตัว ต้องมีมาตรการดูแลอย่างเข้มข้นเพื่อลดโอกาสติดเชื้อ รวมทั้งในปัจจุบันฝุ่น PM2.5 ก็ยังคงเป็นปัญหาอยู่ กทม.จึงเน้นย้ำมาตรการ VUCA คือ V มาจาก vaccinated โดยทุกคนจะได้รับวัคซีน และจะทำให้มั่นใจได้ระดับหนึ่งว่า หากติดเชื้อก็ไม่มีอาการหรืออาการไม่รุนแรง U มาจาก universal prevention มาตรการป้องกันโควิด-19 แบบครอบจักรวาล และหมั่นตรวจเอทีเคเป็นระยะ ซึ่งในปัจจุบันใช้เอทีเคกันอย่างแพร่หลาย C มาจาก covid free setting ทั้งสถานบริการ และชุมชน วัด ตลาด จะต้องมีมาตรการทางสุขาภิบาลอย่างเหมาะสม และ A คือ ATK FIRST ขณะนี้เราเข้าถึงเอทีเคกันง่ายขึ้นแล้ว ขอให้ใช้เอทีเคเป็นระยะๆ อย่างสม่ำเสมอ
“ในเรื่องของฝุ่น PM 2.5 ก็ขอความร่วมมือพี่น้องประชาชน ให้ลดการเผาให้ได้มากที่สุด รวมทั้งการไหว้ศาลเจ้า ทางวัดก็ให้ลดการจุดธูปมากขึ้น ใช้ในเรื่องของจิตใจที่จะมาไหว้ สักการะด้วยความบริสุทธิ” นพ.ชวินทร์ กล่าว
รองปลัด กทม.ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมถึงมาตรการป้องกันการแพร่เชื้อโควิด-19 ช่วงตรุษจีน ว่า การเตรียมความพร้อมต่างๆ ก็เช่นเดียวกับช่วงเทศกาลปีใหม่ หรือการจัดกิจกรรม (อีเวนต์) ใหญ่ๆ ที่ผ่านมา มีความพร้อมทั้งตรวจคัดกรองโควิด-19 เชิงรุก และเตรียมความพร้อมของสถานพยาบาล
สำหรับแนวทางในการรักษาผู้ติดเชื้อโควิด-19 ปัจจุบันให้ใช้วิธี Home Isolation (HI) อยู่ที่บ้าน 10 วัน ซึ่งต่างจากวิธีการเมื่อปีก่อนที่จะต้องเข้ารักษาในโรงพยาบาล (รพ.) หรือ รพ.สนาม ซึ่งจะทำให้การดูแลทั่วถึง และที่สำคัญคือ ขณะนี้ กทม.มีศูนย์ปฏิบัติการควบคุมโควิด-19 ระดับเขต ทั้ง 50 เขต มีผู้อำนวยการเขต เป็นประธาน คอยเฝ้าระวังมอนิเตอร์ตัวเลขต่างๆ ภายในพื้นที่
“ดังนั้น ผู้ที่ติดเชื้อและยังไม่ได้เข้าสู่ระบบการรักษา ไม่ว่าจะเป็นโฮมไอโซเลชั่น หรือคอมมูนิตี้ ไอโซเลชั่น หรือถ้าเกิดอาการหนักจนต้องเข้า รพ. ซึ่งจะเห็นว่าผู้ป่วยที่ติดเชื้อในขณะนี้เข้ารับการรักษา ดูแลได้รวดเร็วมากขึ้นกว่าเดิม” นพ.ชวินทร์ กล่าว
นพ.ชวินทร์ กล่าวว่า ขณะนี้ กทม.มีความพร้อม ทั้ง สำนักอนามัย และภาคีเครือข่าย 222 แห่ง โดยที่ผ่านมาดูแลประชาชนด้วยวิธีโฮม ไอโซเลชั่น สะสมประมาณ 11,000 ราย และขณะนี้ยังมีเหลือรักษาในระบบ HI อยู่ 5,000 ราย ส่วนคอมมูนิตี้ ไอโซเลชั่น ได้มีการเตรียมความพร้อม โดยเปิดแล้ว 21 แห่ง และก็จะเปิดเพิ่มอีกหากมีความจำเป็น แต่จากสถาณการณ์ตัวเลขที่ใช้บริการยังน้อย ส่วนโรงพยาบาลมีทั้งภาครัฐและเอกชน และนอกสังกัด กทม.อีกหลายแห่ง ซึ่งได้จับมือกันเป็นภาคีเครือข่าย ในการรองรับผู้ป่วยที่มีอาการมากไม่ว่าจะเป็นสีเหลือง หรือสีแดง ถือว่ามีความพร้อมมาก
