สหรัฐชมไทยข้อมูลโควิดโปร่งใส อนุทิน ยันเข้มมาตรการมากทำให้ยอดต่ำกว่านานาปท.

สหรัฐชมไทยข้อมูลโควิดโปร่งใส อนุทิน ยันเข้มมาตรการมากทำให้ยอดต่ำกว่านานาปท.

เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการ สธ. ให้สัมภาษณ์ภายหลังรับมอบวัสดุวิทยาศาสตร์ จากรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ภายใต้โครงการ COVID-19 American Rescue Plan Act(ARPA) ว่า สธ.ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐครั้งนี้ ผ่านองค์การเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐ ในการรับมือโรคโควิด-19 การเข้าถึงวัคซีนป้องกันที่ปลอดภัย เพื่อลดอัตราการเจ็บป่วย ทั้งนี้ ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลสหรัฐ มอบความช่วยเหลือให้ประเทศไทยแล้วเป็นมูลค่ากว่า 3.3 หมื่นล้านบาท

ด้าน นายไมเคิล ฮีธ อุปทูตรักษาการแทนเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย กล่าวว่า ขอบคุณประเทศไทยที่ให้ความร่วมมือกับนานาชาติ ครั้งที่ไทยพบผู้ติดเชื้อรายแรกในปี 2020 ก็ได้ส่งข้อมูลโควิด-19 ให้กับสาธารณะ เพื่อการรับมือกับโควิด-19 และเปิดเผยข้อมูลอย่างโปร่งใสมาโดยตลอด ทั้งนี้ รัฐบาลสหรัฐ ได้มอบวัสดุวิทยาศาตร์เพื่อตรวจวินิจฉัยโควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR และอุปกรณ์ป้องกัน (PPE) รวมมูลค่ากว่า 49.5 ล้านบาท เพื่อลดผลกระทบของโรคระบาด

ผู้สื่อข่าวถามถึงสถานการณ์ของประเทศไทยที่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพียงหลักหมื่นราย ขณะที่ต่างประเทศพบเป็นหลักแสนราย นายอนุทิน กล่าวว่า ตามที่อุปทูตสหรัฐ กล่าวชัดเจนว่า สิ่งที่ไทยให้นานาชาติ เห็นชัดเจนที่สุด และเชื่อมั่น คือ ความโปร่งใสของข้อมูลการสาธารณสุข โดยเฉพาะโควิด-19

Advertisement

“ฉะนั้น วันนี้คำถามว่า เราไม่ตรวจ ตรวจน้อย หรือตรวจไม่พอ ก็คงไม่ใช่ประเด็น ทั้งนี้ เราตรวจไม่น้อยกว่าประเทศอื่น แต่มาตรการเราเข้มกว่า หลายๆ ประเทศ บอกว่า เราเข้มมาก อยากให้ผ่อนคลาย หากเราเข้มงวดแบบนี้ เขาก็จะมาตรการเข้มกับเราบ้าง แต่เราก็ยังยืนหยัดในทางที่เราเชื่อว่าจะสร้างความปลอดภัยมากที่สุด” นายอนุทิน กล่าว

เมื่อถามว่า เมื่อเทียบเชื้อโอมิครอนของไทยและต่างประเทศ พบว่าไทยไม่พุ่งหลักแสนราย นายอนุทิน กล่าวว่า ขณะนี้เพิ่มถึงหมื่น ก็ถือว่าพุ่งแล้ว จากที่เราเคยพบรายงาน 3,000 ราย เพียงหลักหมื่น บุคลากรแพทย์ของเราก็ทำงานกันหนักแล้ว ไม่ใช่ว่าเราไม่รู้สึกอะไร

Advertisement

“ต้องพูดว่า ขอบคุณคนไทย ที่ให้ความร่วมมืออย่างดีโดยตลอด แม้บางครั้งไม่ถูกใจท่าน เช่น วัคซีนที่ไม่ตรงความต้องการ แต่ท่านก็มาฉีด เพราะท่านเชื่อมั่นว่าวัคซีนที่รัฐบาลนำมาฉีด มีประโยชน์ มีมาตรฐาน ร่วมกับการสวมหน้ากากอนามัยไปทุกที่ ไม่มีที่ไหนสวมหน้ากากอนามัยเท่าคนไทย” นายอนุทิน กล่าวและว่า ฉะนั้น จะเหลือเพียงช่วงที่ถอดหน้ากากอนามัย เราต้องระวังที่สุด เช่น อยู่บ้านกับผู้สูงอายุ จึงเป็นพื้นที่ต้องเข้มงวดเป็นพิเศษ

ด้าน นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัด สธ. กล่าวเพิ่มเติมว่า ในการรายงานการติดเชื้อ สิ่งที่เป็นหลักฐานชัดเจนคือ ผู้ป่วยอาการหนัก และเสียชีวิต สัดส่วนยังคงเดิม เพราะหากมีการติดเชื้อหลักแสนรายจริง ก็จัดต้องมีสัดส่วนผู้เสียชีวิตมากขึ้น แต่ขณะนี้ ไทยมีรายงานผู้เสียชีวิตวันละ 10-20 ราย ผู้ใส่ท่อช่วยหายใจและผู้ป่วยปอดอักเสบไม่เพิ่มขึ้น จำนวนนี้ เป็นผู้ที่เข้ามารักษาในโรงพยาบาล (รพ.) อยู่แล้ว แต่จำนวนก็ไม่เพิ่มขึ้น

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image