สังเวยโควิด 12 รายวันนี้ เพราะไม่ฉีดวัคซีนเข็ม3 ยันบูสต์โดสกันติด-ตาย 90%

สังเวยโควิด 12 รายวันนี้ เพราะไม่ฉีดวัคซีนเข็ม3 ยันบูสต์โดสกันติด-ตาย 90%

เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นพ.จักรรัฐ พิทยาวงศ์อานนท์ ผู้อำนวยการกองระบาดวิทยา พร้อมด้วย นพ.ทวีทรัพย์ ศิรประภาศิริ นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ กรมควบคุมโรค แถลงรายงานสถานการณ์โรคโควิด-19

นพ.จักรรัฐ กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 ทั่วโลก ล่าสุดเกือบจะได้เห็นจำนวนผู้ติดเชื้อ 400 ล้านราย โดยจำนวนผู้ติดเชื้อทั่วโลกรวมทั้งหมดอยู่ที่ 395,882,670 ราย ซึ่งประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุดยังคงเป็นสหรัฐอเมริกา อินเดีย บลาซิล ฝรั่งเศส และสหราชอณาจักร (อังกฤษ) ตามลำดับ โดยรอบบ้านเรา (ประเทศไทย) ก็ยังคงพบจำนวนผู้ติดเชื้อที่ยังสูง โดยสถานการณ์ขณะนี้แถบอเมริกา ยุโรป มีผู้ติดเชื้อลดลง แต่ในประเทศในฝั่งเอเชีย พบผู้ติดเชื้อมากขึ้นเรื่อยๆ

Advertisement

“สำหรับบ้านเราเอง พบผู้ป่วยรายวัน 9,561 ราย ผู้ป่วยที่มีอาการปอดอักเสบคงตัวอยู่ที่ 535 ราย ใส่ท่อช่วยหายใจ 102 ราย และเสียชีวิต 12 ราย โดยค่าเฉลี่ย 7 วัน อยู่ที่ 19 ราย สิ่งสำคัญที่จะทำให้ไปกระทบกับอาการป่วยจนเสียชีวิต คือ กลุ่มเสี่ยง โดยผู้เสียชีวิต ทั้ง 12 รายนี้ เป็นกลุ่มเสี่ยงสูงทั้งหมด และไม่ได้รับวัคซีนเข้มกระตุ้น (บูสเตอร์ โดส) เลยแม้แต่รายเดียว” นพ.จักรรัฐ กล่าว

นพ.จักรรัฐ กล่าวต่อไปว่า สำหรับการติดเชื้อในบ้านเรา จะมีการกระจายไปตามสถานที่เสี่ยงต่างๆ คลัสเตอร์ต่างๆ โดยขณะนี้มีผู้ที่กำลังรักษาอยู่ 92,784 ราย โดยจังหวัดที่เสี่ยงคือ กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล จังหวัดที่มีพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว และจังหวัดนำร่องท่องเที่ยว เช่น ชลบุรี ภูเก็ต ฯลฯ ที่ยังพบผู้ติดเชื้อสูงอยู่

Advertisement

 

“โดยผู้ติดเชื้อทั้งหมดกว่าร้อยละ 96 เป็นคนไทย ร้อยละ 1 เมียนมา ร้อยละ 0.3 กัมพูชา และอื่นๆ ร้อยละ 3 ในส่วนของกลุ่มอายุ ตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 9 ปี สัดส่วนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อยู่ที่ ร้อยละ 10.4 จาก ร้อยละ 1-2 โดยมีการเพิ่มขึ้นทุกๆ สัปดาห์ โดยเป็นเด็กวัยเรียน ซึ่งสอดคล้องกับการแพร่ระบาดในโรงเรียนหลายๆ แห่ง และในจำนวนผู้ที่ติดเชื้อ 32,758 ราย มีอาการป่วย 17,970 ราย คิดเป็นร้อยละ 54.86 และไม่มีอาการป่วย 14,788 ราย คิดเป็นร้อยละ 45.14” นพ.จักรรัฐ กล่าวและว่า โดยสถานการณ์ขณะนี้ ก็ยังเป็นไปตามที่คาดการณ์ ซึ่งยังอยู่ใต้เส้นสีเขียวอยู่เล็กน้อยและมีความเสี่ยงไม่มากนัก

ด้าน นพ.ทวีทรัพย์ กล่าวถึงผลการศึกษาวัคซีนโควิด-19 ใช้จริงของประเทศไทย ว่า ในขณะนี้ ได้ศึกษาในส่วนของประสิทธิผลวัคซีนใช้จริง โดยคณะทำงานติดตามประสิทธิผลวัคซีนป้องกันโควิด-19 กรมควบคุมโรค คณะสาธารณสุข มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) พบว่า การใช้กลุ่มตัวอย่างผู้ที่มีประวัติรับวัคซีนและเป็นกลุ่มผู้สัมผัสเสี่ยงสูง นำมาเปรียบเทียบกับผู้ที่ติดเชื้อแล้วและมีประวัติรับวัคซีน พบว่า ผู้ที่ได้รับวัคซีน 2 เข็ม มีประสิทธิภาพป้องกันไม่ให้ติดเชื้ออยู่ที่ร้อยละ 65 และป้องกันการป่วยรุนแรง/ตาย อยู่ที่ร้อยละ 88 ส่วนผู้ที่ได้รับวัคซีน 3 เข็ม ป้องกันไม่ให้ติดเชื้ออยู่ที่ร้อยละ 94 และป้องกันการป่วยรุนแรง/ตาย อยู่ที่ร้อยละ 98

นพ.ทวีทรัพย์ กล่าวว่า เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 เป็นสถานการณ์ที่ต่อเนื่อง การประเมินประสิทธิผลของวัคซีนจึงได้ทำอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เดือนกรกฎาคม – ธันวาคม 2564 โดยพบว่า ในช่วงเดือนกรกฎาคม 2564 ประสิทธิผลของผู้ที่ฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม สำหรับการป้องกันการติดเชื้อสูงถึงร้อยละ 81 แต่เมื่อระยะเวลาผ่านไปก็จะลดลง เหลือร้อยละ 50 อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ฉีด 2 เข็ม สามารถป้องกันอาการป่วยหนัก/ตาย ลดลงมาเล็กน้อย เหลือร้อยละ 79 ส่วนการฉีดเข็มที่ 3 ป้องกันการติดเชื้อได้ร้อยละ 90 ซึ่งสูงอย่างต่อเนื่อง และป้องกันป่วยรุนแรง/ตาย ได้ร้อยละ 96

“มาตรการวัคซีนยังเป็นมาตรการที่ยังมีประสิทธิภาพ แต่ไม่ใช่มาตรการเดียว จะต้องมีการระดมฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 พร้อมกับการฝ้าระวัง ตรวจคันหาการติดเชื้อที่รวดเร็ว และการติดตามกำกับจุด/สถานที่เสี่ยงการระบาดใหญ่ในวงกว้าง และต้องมีการร่วมมือต่อเนื่องในมาตรการ Universal Prevention, Covid Free Settings, และตรวจ ATK หากมีอาการหรือมีความเสี่ยง” นพ.ทวีทรัพย์ กล่าว

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image