คลองค้อ ไม่เห็นด้วยจับเสือป่าพิการมาเลี้ยง ชี้ แค่จับติดปลอกคอจีพีเอสและคอยตามสัญญาณก็พอ
จากกรณีที่ ชายชาวกะเหรี่ยงคนหนึ่ง ออกมาขอความช่วยเหลือ จากสภาพร่างกายที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส โดยอ้างว่าถูกเสือโคร่ง ในพื้นที่ บ้านปิล็อกคี่ อุทยานแห่งชาติเขาแหลม อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ทำร้าย นั้น ซึ่งต่อมา ซึ่งต่อมากรมอุทยานฯได้นำกล้องกัดถ่ายภาพสัตว์ป่าไปดักถ่ายในบริเวณดังกล่าว พบว่า เสือตัวที่ทำร้ายชายชาวกะเหรี่ยง เป็นเสือพิการขาขาด 1 ข้าง
โดยองค์กรเอกชนเกี่ยวกับสัตว์แห่งหนึ่งเสนอกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เรื่องให้จับเสือพิการ ตัวดังกล่าวมาเลี้ยงดูในกรงเลี้ยงนั้น
วันที่ 9 กุมภาพันธ์ เฟชบุ๊ก สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าห้วยขาแข้ง ได้โพสต์ภาพ เสือคลองค้อ และเสือนภา ที่ถูกเลี้ยงดูอยู่ในสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าห้วยขาแข้งตั้งแต่เด็ก โดยแอดมินเพจ สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าห้วยขาแข้ง ซึ่งเป็นนักวิชาการสัตว์ป่า ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ ผ่านคล้องคอและนภา ว่า
“พี่หนุ่มกัยชรร รายการเเหกระโสน ติดต่อมาจะให้คลองค้อกับนภาไปออกรายการพรุ่งนี้จะมีประเด็นพูดคุยเรื่องเสือป่าบาดเจ็บขาขาดที่เมืองกาญจน์ที่มีข่าวว่าจะดักจับมาเลี้ยงดู
แอดได้ไปสอบถามประเด็นนี้กับทั้งคลองค้อเเละนภา
ความเห็นของค้อคิดว่า ไม่น่าจะพามาเลี้ยงดูนะครับ การที่เสือป่ามีสัญชาตญาณป่า จะถูกจำกัดบริเวณ อาจส่งผลต่อสุขภาพ ไหนจะค่าเลี้ยงดูที่กินอย่างน้อยวันละ 5 กิโล คูณ 200 ก็วันละ 1,000 บาท เดือนละ 30,000 บาท ค้อว่าใช้งบประมาณไปจ้างพี่ๆ พิทักษ์ป่าได้ตั้ง 3 คน จะได้ดูเเลผืนป่าให้เสือตัวนั้นอยู่ดีกว่า เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า 1 คน ปัจจุบันทำหน้าที่ดูเเลป่าให้คนไทยเฉลี่ยเเล้ว ตั้ง 10,000 ไร่ ซึ่งเทียบเเล้วจะเป็นบ้านเเละอาณาจักรของเสือโคร่งได้ 1 ครอบครัวได้อย่างสบาย คนไม่ต้องซื้อเนื้อซื้อหมูมาเลี้ยงด้วย เพราะสามารถล่าหากินเองได้
จะเป็นไปได้ไหมคับ ถ้าจับเพื่อติดปลอกคอจีพีเอส เเล้วอาจย้ายเข้าไปในป่าที่ลึกหน่อย ที่มีอาหารเพียงพอ ส่วนทางชาวบ้านก็ขอความร่วมมือไม่นำวัวควายเข้าไปเลี้ยงในป่า จากนั้นคอยติดตามสัญญาณจีพีเอสจากดาวเทียม คอยเฝ้าระวังไม่ให้เข้าใกล้ชุมชนเกินไป
เราเสียอีกที่อิจฉาเสือป่า เพราะได้ใช้ชีวิตตามสัญชาตญาณป่า ได้สืบต่อเผ่าพันธุ์ในป่า
เเต่ยังไงก็คงมีหลายมุมมอง ค้อที่เป็นตัวเเทนของเสือในที่เลี้ยง เคารพการตัดสินใจของผู้ปฏิบัติภารกิจนี้คับ
