ปี’64 กัญชา-กัญชง สร้างมูลค่ากว่า 7 พันล้าน แม่โจ้-กรมแพทย์แผนไทยฯ จับมือฟื้นเศรษฐกิจชาติ

ปี’64 กัญชา-กัญชง สร้างมูลค่ากว่า 7 พันล้าน แม่โจ้-กรมแพทย์แผนไทยฯ จับมือฟื้นเศรษฐกิจชาติ

วันนี้ (9 กุมภาพันธ์ 2565) ที่มหาวิทยาลัยแม่โจ้ จ.เชียงใหม่ รศ.วีระพล ทองมา อธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้ และ นพ.ยงยศ ธรรมวุฒิ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ร่วมลงนามมีพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (เอ็มโอยู) เดินหน้าศึกษาวิจัยพืช “กัญชา” และพืชเสพติดที่มีประโยชน์ทางการแพทย์ ระหว่าง มหาวิทยาลัยแม่โจ้ กับ กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก

รศ.วีระพล กล่าวว่า เป็นที่ทราบกันทั่วไปแล้วว่า มหาวิทยาลัยแม่โจ้ เป็นสถาบันที่มีความเป็นเลิศด้านการเกษตรกรรม มีคณาจารย์และบุคลากรที่มีความรู้ ความสามารถ มีเทคโนโลยี เชิงเกษตรกรรม ที่สามารถผลิตพืช ที่มีคุณภาพและความปลอดภัยสูง มีการจัดการเรียน การสอนอย่างหลากหลาย ผลิตบุคลากรที่มีความรู้ ความสามารถในการปฏิบัติงานจริง รับใช้สังคมอยู่ทั่วประเทศ

“สำหรับความร่วมมือในครั้งนี้ จะร่วมกันขับเคลื่อน ศึกษาวิจัย พัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม ด้านการแพทย์แผนไทย การแพทย์ทางเลือกและพืชสมุนไพร ร่วมกันผลิตกัญชาทางการแพทย์ โดยกรมก่ารแพทย์แผนไทยฯ จะรับมอบผลผลิตกัญชา จากมหาวิทยาลัยแม่โจ้ เพื่อผลิตตำรับยาที่มีกัญชาปรุงผสมอยู่ รวมทั้งร่วมกันบริการทางวิชาการ การจัดการเรียน การสอน การฝึกอบรม การศึกษาดูงาน การถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคโนโลยีด้านการแพทย์ แผนไทย การแพทย์ทางเลือกและสมุนไพร ซึ่งมหาวิทยาลัยแม่โจ้ จะได้มีการเปิดสาขาวิชาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก เพื่อผลิตบุคลากร ให้มีความรู้ ความสามารถ เพื่อรับใช้สังคม ประเทศชาติ ดูแลผู้ป่วยเฉพาะโรค เฉพาะทาง เพื่อแบ่งเบาภาระระบบสาธารณสุขของประเทศ และสร้างเสริมสุขภาพให้กับประชาชน โดยความร่วมมือครั้งนี้ มีระยะเวลา 5 ปี จากปี 2565 – 2570 ซึ่งจะเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติต่อไป” รศ.วีระพล กล่าว

Advertisement

ด้าน นพ.ยงยศ กล่าวว่า กรมการแพทย์แผนไทยฯ มีพันธกิจ ในการพัฒนาวิชาการและการบริการ ด้านการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก โดยส่งเสริมและพัฒนาการวิจัย การจัดระบบความรู้ พัฒนาแหล่งผลิตและผลิตภัณฑ์สมุนไพร คุ้มครอง อนุรักษ์ และส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์พื้นบ้านไทย พัฒนาคุณภาพ มาตรฐานการบริการ เพื่อนําไปใช้ในระบบบริการสุขภาพ อย่างมีคุณภาพ ปลอดภัย และเป็นทางเลือกให้แก่ประชาชนในการดูแลสุขภาพ และส่งเสริมเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน

นพ.ยงยศ กล่าวว่า ภายหลังกฎหมายเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษอนุญาตให้นำกัญชามาใช้ทางการแพทย์ได้ ทางกรมการแพทย์แผนไทยฯ ได้รวบรวมและคัดกรองตำรับยาที่มีกัญชาเป็นส่วนประกอบทั้งตำรับที่มาจากตำรายาซึ่งมีจำนวนมาก และตำรับที่แพทย์แผนไทย หรือหมอพื้นบ้านมีประสบการณ์ใช้ ประกาศเป็นตำรับยาที่ให้ใช้ได้ตามกฎหมาย นำสูตรตำรับมาผลิตและพัฒนาเป็นยาสำเร็จรูปกระจายในหน่วยบริการของรัฐทุกระดับทั่วประเทศ เพื่อให้ผู้ป่วยที่มีความจำเป็นได้เข้าถึงยาอย่างกว้างขวางและทั่วถึง

“ที่ผ่านมา ในช่วงเวลาเกือบ 3 ปี หลังจากพระราชบัญญัติมีผลบังคับใช้ มีตำรับยาแผนไทย ตำรับยาพื้นบ้านที่ถูกนำมาใช้มากกว่า 44 ตำรับ และจะเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต ทำให้ผู้ป่วยที่ได้รับประโยชน์จากการใช้ยากัญชามากกว่า 80,000 ราย ยากัญชาเหล่านี้ต้องใช้วัตถุดิบกัญชาที่มีคุณภาพปลอดภัยในการผลิตยา สำหรับผู้ป่วยเป็นจำนวนมาก ในส่วนคุณค่าของกัญชาและสมุนไพรไทยที่สามารถนำพาประเทศไทย ไปสู่บริบทของสมุนไพรที่สร้างเศรษฐกิจชาติได้อย่างแท้จริง โดยเฉพาะ ฟ้าทะลายโจร เป็นสมุนไพรที่มีคุณค่ามาก รวมทั้งนโยบายที่รัฐบาลทำการปลดล็อกกัญชาออกจากสารเสพติด และผลักดันให้กัญชาไทยสามารถพลิกฟื้นเศรษฐกิจ รับการเปิดประเทศอีกครั้ง เพราะการยกระดับกัญชาให้กลายเป็นพืชเศรษฐกิจ ที่ผ่านมา ส่งผลให้ปี 2564 ผลิตภัณฑ์จากกัญชา กัญชง ในประเทศ มีมูลค่าสูงกว่า 7,000 ล้านบาท” นพ.ยงยศ กล่าว

อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยฯ กล่าวว่า ล่าสุด กรมแพทย์แผนไทยฯ มีแผนในการรับช่อดอกกัญชา และกัญชงที่ปลูกในระบบเกษตรอินทรีย์ของมหาวิทยาลัยแม่โจ้ ที่ได้รับมาตรฐานเกษตรอินทรีย์นานาชาติมาผลิตตำรับยาสมุนไพรไทยและเผยแพร่สู่ประชาชนทั่วไป ถือเป็นมิติใหม่ของทั้ง 2 องค์กร ในการสร้างและพัฒนา ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี นวัตกรรมและการจัดการ รวมถึงการพัฒนาความร่วมมือในระดับองค์กร ระดับชาติ และนานาชาติ เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ สุขภาพ และเศรษฐกิจของประเทศอย่างยั่งยืนต่อไป

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image