จิสด้า ทดลอง ส่งผัดกะเพราไข่ดาว ไปกับบอลลูน ทดลองงานวิจัยในอวกาศครั้งแรก

จิสด้า ทดลอง ส่งผัดกะเพราไข่ดาว ไปกับบอลลูน ทดลองงานวิจัยในอวกาศครั้งแรก

วันที่ 10 กุมภาพันธ์ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม หรือ อว. โดยสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ จิสด้าจัดกิจกรรมส่งผัดกะเพราขึ้นไปบนชั้นบรรยากาศ ด้วยบอลลูนขนาดใหญ่ ซึ่งบอลลูนดังกล่าวจะลอยไปถึงความสูงที่มีบรรยากาศรอบข้างใกล้เคียงกับสภาวะอวกาศ เพื่อทดสอบและศึกษาว่าอาหารไทยขึ้นชื่อ “ผัดกะเพรา” จะมีการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพหรือไม่ เมื่อเราใช้บอลลูนในการทำภารกิจ ณ ศูนย์การเรียนรู้ทางธรรมชาติบึงบอระเพ็ด แหล่งท่องเที่ยวบึงบอระเพ็ด จังหวัดนครสวรรค์

นายตติยะ ชื่นตระกูล รองผู้อำนวยการด้านสร้างเสริมพันธมิตรและเครือข่ายองค์ความรู้ของ จิสด้า กล่าวว่า การทดลองทางวิทยาศาสตร์อวกาศด้วยบอลลูนขนาดใหญ่ครั้งนี้ของจิสด้า และพันธมิตร จะใช้เป็นต้นแบบและแนวทางในการทดลองงานวิจัยทั้งทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประเทศ

หรือ เป็นการสร้างแพลตฟอร์มการทดลองงานวิจัยด้วยบอลลูน ที่เรียกว่า High-Altitude Experiment Platform ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแพลตฟอร์ม การทดลองงานวิจัยในอวกาศ (Space Experiment Platform) ของ จิสด้า เพิ่มเติมจากที่ก่อนหน้านี้ได้มีการให้บริการการส่งงานวิจัยไปทดลองบนสถานีอวกาศนานาชาติ ISS และห้องปฏิบัติการทดลองในสภาวะแรงโน้มถ่วงต่ำ (Micro-X) ณ อุทยานรังสรรค์นวัตกรรมอวกาศ

Advertisement

นายตติยะ กล่าวว่า การทดลองครั้งนี้ นอกจากจะสร้างรูปแบบการศึกษาวิจัยที่ไม่ได้อยู่ในห้องแลปหรือบนพื้นโลกแล้ว ยังเป็นต้นแบบการพัฒนาใช้ประโยชน์ห้วงอากาศที่มีความสูง ที่เลยเพดานบินขึ้นไปและไม่ถึงอวกาศ คืออยู่ระหว่าง 30-100 กิโลเมตรจากพื้นโลก

ซึ่งนับเป็นอีกก้าวหนึ่งในการพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศของประเทศไทย และการใช้บอลลูนขนาดใหญ่ครั้งนี้จะนำไปสู่การพัฒนาเทคโนโลยีการตั้งฐานวิจัยหรือฐานส่งจรวดในห้วงอากาศสูงให้กับประเทศต่อไปในอนาคต

Advertisement

การศึกษาในครั้งนี้ นอกจากเราจะใช้อาหารในการทดสอบแล้ว ยังสามารถนำงานด้านชีวะและฟิสิกส์มาทดลองได้ด้วย อาทิ การทดลองทำฟาร์มลอยฟ้าในอวกาศด้วยบอลลูนเพื่อรับบรรยากาศที่สะอาดกว่าบนพื้นโลก เป็นต้น และอาจจะนำไปสู่แนวความคิดใหม่ๆ ของการวิจัยและการทดลองทางเทคโนโลยีที่ไม่ใช่เฉพาะดาวเทียมเท่านั้น

ยกตัวอย่าง เช่น การทดลองรับส่งสัญญาณของระบบนำทาง การติดตามหรือขับเคลื่อนรถยนต์จากชั้นบรรยากาศอวกาศ ซึ่งเราอาจเรียกรวมๆ ได้ว่า “เป็นการพัฒนาเทคโนโลยีด้าน high altitude platform ของประเทศ

อีกทั้งยังสามารถนำไปต่อยอดได้ในเชิงเศรษฐกิจและยกระดับการรับรู้ของสังคมให้รับรู้ว่า การทดลองงานวิจัยด้านอวกาศ การทดลองในเทคโนโลยีอวกาศ ที่เป็นเรื่องธรรมดาและไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป” ซึ่งใครๆ ก็สามารถทำการทดลองศึกษาวิจัยและนำไปใช้ประโยชน์ได้ในหลายๆ แขนงสาขาวิชา ตลอดจนด้านธุรกิจ

เพราะการส่งบอลลูนกระทำได้ไม่ยากและราคาไม่สูงเท่าการส่งวัตถุออกไปนอกโลกด้วยจรวดขนาดใหญ่ ยกตัวอย่างเช่น เมื่อ จิสด้า สามารถนำเอา high-altitude balloon platform มาให้บริการเพื่อการศึกษาวิจัยด้านอาหารได้แล้ว

ก็จะสามารถต่อยอดไปจนถึงการทดลองทางเทคโนโลยีด้านอื่นๆ อาทิ ระบบโลจิสติกส์ ระบบการสื่อสารด้วยระบบคอมพิวเตอร์ที่ครอบคลุมหรือมีเครือข่ายขนาดใหญ่ หรือขยายไปถึงการท่องเที่ยวในชั้นบรรยากาศอวกาศได้ในอนาคตอันใกล้ เป็นต้น
.
รองผู้อำนวยการจิสด้า กล่าวต่อไปอีกว่า การส่งบอลลูน high-altitude เพื่อภารกิจด้านวิทยาศาสตร์อวกาศไปที่ชั้นบรรยากาศอวกาศสูงๆ เหนือพื้นโลกหรือเหนือเพดานบินขึ้นไปยังเป็นอะไรที่คนไทยไม่เคยทำ ที่ผ่านมาอาจจะมีการส่งบอลลูนมาบ้าง

แต่กับด้านวิทยาศาสตร์อวกาศแล้วครั้งนี้นับเป็นครั้งแรก และเป็นการเป็นการเริ่มต้น space experiment platform ให้กับประเทศ ซึ่งจะนำไปสู่การเกิดไอเดียและนวัตกรรมใหม่ๆ ได้อย่างไม่หยุดยั้ง

ดังนั้น สิ่งเหล่านี้จะกลายเป็นจุดเริ่มต้นที่จะนำไปสู่จุดที่เราเริ่มมองเห็นและเข้าใจว่า การขึ้นไปในอวกาศยังมีอะไรอีกมากที่สามารถสร้างประโยชน์ให้กับเราได้ ทั้งทางด้านการศึกษา งานวิจัย เทคโนโลยี ตลอดจนการพัฒนาด้านเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ

ตติยะ ชื่นตระกูล

การทดลองวิจัยในชั้นบรรยากาศอวกาศ หรือที่ตำแหน่งสูงจากพื้นโลกในระยะตั้งแต่ 30 – 100 กิโลเมตร ก่อนที่จะออกไปสู่อวกาศจริงๆ แบบ 100% จะทำให้ประเทศเกิดการพัฒนาทั้งในด้านการสร้างองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์อวกาศที่ประเทศเรายังไม่เคยมี เทคโนโลยีอวกาศที่จากนี้เราจะพัฒนาและทดลองได้เองในสภาวะที่ใกล้เคียงอวกาศมากขึ้นเรื่อยๆ อันจะเป็นการพัฒนาชิ้นงานและทดสอบแบบ space grade จริงๆ

และนอกจากนี้ ยังเป็นการสนับสนุนกิจการด้านอวกาศที่ประเทศไทยกำลังจะมี พ.ร.บ. กิจการอวกาศ และการพัฒนาแผนแม่บทอวกาศแห่งชาติก็จะมีคุณค่าและความสำคัญมากยิ่งขึ้น ตลอดจนแผนการวิจัยในระบบโลกและอวกาศ หรือ Earth Space System (ESS) ที่เป็นแผนชาติด้านการวิจัยขั้นสูง (Frontier Research) ของประเทศด้วย

ด้าน ดร.อัมรินทร์ พิมพ์หนู วิศวกรชำนาญการของจิสด้า หัวหน้าโครงการ National Space Exploration เปิดเผยว่า จริงๆแล้ว อาหารไทยทุกชนิดและทุกประเภทมีความสำคัญที่ควรจะต้องนำไปทดลองศึกษาถึงคุณค่าทางอาหารในอวกาศ ซึ่งนอกจากจะทำให้ได้รับความรู้ว่าคุณค่าและสารอาหารแบบไหนที่จะหายไปหรือมีผลกระทบใดๆ ต่อสภาวะในอวกาศแล้ว

ยังเป็นการส่งเสริมและผลักดันให้อาหารไทยที่นอกจะได้ชื่อว่าเป็นครัวโลกแล้วก็จะกลายไปเป็นครัวอวกาศได้ในอนาคตอีกด้วย ซึ่งก็คือการศึกษาด้านอาหารไทยในอวกาศจะนำไปสู่การผลิตอาหารให้กับนักบินอวกาศได้ต่อไปนั่นเอง

ดังนั้น เหตุผลที่เราเลือกผัดกะเพรามาใช้ในการทดลองก็เพราะว่าเราสามารถใช้อาหารอะไรก็ได้ในท้องตลาด และผัดกะเพราถือเป็นอาหารพื้นฐานที่ขึ้นชื่อของคนไทยที่รสชาดอร่อย ปรุงง่าย ราคาไม่แพง

การดำเนินงานในครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกจริงๆ ที่เราส่งงานวิจัยไปที่ระดับชั้นบรรยากาศอวกาศของโลกด้วยการปล่อยไปกับบอลลูนให้ลอยขึ้นไปที่ความสูงประมาณ 30-33 กิโลเมตร ซึ่งก่อนหน้านี้ จิสด้า เคยส่งงานวิจัยไทยไปทดลองบนสถานีอวกาศนานาชาติ ISS มาแล้ว ถ้ายังจำกันได้คือ “การทดลองปลูกผลึกโปรตีนในอวกาศเพื่อพัฒนายาต้านโรคมาลาเรีย” ของศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) จากสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)

ซึ่งเป็นงานวิจัยที่ได้รับคัดเลือกจากโครงการวิจัยวิทยาศาสตร์อวกาศและการทดลองในอวกาศ National Space Exploration (NSE) ของ GISTDA และนั่นเป็นครั้งแรกของประเทศที่งานวิจัยไทยไปอวกาศมาแล้วจริงๆ ซึ่งผลการวิจัยยังคงดำเนินการศึกษาอยู่โดยไบโอเทค แต่ครั้งนี้จะเป็นครั้งแรกที่งานวิจัยไทยจะถูกส่งไปทดลองที่ความสูงดังกล่าว

และเป็นชั้นความสูงที่มีสภาวะที่ใกล้เคียงกับอวกาศ ส่วนผลลัพธ์จะออกมาเป็นเช่นไร ผัดกะเพราไทยของเราจะสามารถทานได้ในอวกาศหรือไม่ หรือคุณค่าสารอาหารตัวใดจะหายไปหรือเพิ่มขึ้น ก็ต้องดูผลการวิจัยกันต่อไป แต่สิ่งสำคัญของการดำเนินงานในครั้งนี้ คือ “การสร้างแพลตฟอร์มการทดลองงานวิจัยด้วยบอลลูน ที่เรียกว่า High-Altitude Experiment Platform เพื่อใช้เป็นต้นแบบและแนวทางในการทดลองงานวิจัยทั้งทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประเทศ” สำหรับผลการทดลองในครั้งนี้จะออกมาเป็นอย่างไร จะแจ้งให้ทราบในโอกาสต่อไป

ดร. อัมรินทร์ กล่าวอีกว่า high-altitude balloon ในปัจจุบันยังทำอะไรได้อีกมาก และในระยะเวลาอันใกล้นี้ คนไทยอาจจะได้เห็น จิสด้า ทำการพัฒนาท่าอวกาศยานขนาดเล็ก หรือ Small Spaceport ที่ส่งดาวเทียมด้วยจรวดที่มีบอลลูนเป็นฐานยิงจรวด จุดเด่นคือ ไม่เปลืองพื้นที่ประเทศไทย ไม่มีการเวนคืนที่ดิน ประหยัด และปลอดภัย แล้วคอยติดตามชมความก้าวหน้าของเทคโนโลยีอวกาศขั้นสูงที่จะพัฒนาโดยจิสด้า และหน่วยงานพันธมิตรต่อไป

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image