สาธิตเผย ถกแล้ว! แต่ยังไม่สรุปเลื่อนถอดโควิดพ้นยูเซ็ป ยันต้องสื่อสาร ปชช.

สาธิตเผย ถกแล้ว! แต่ยังไม่สรุปเลื่อนถอดโควิดพ้นยูเซ็ป ยันต้องสื่อสาร ปชช.

เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ที่โรงแรงพูลแมน รางน้ำ ถึงกรณีเสนอให้เลื่อนปลดโรคโควิด-19 ออกจากโรคฉุกเฉินวิกฤต หรือยูเซ็ป (UCEP) จากวันที่ 1 มีนาคม 2565 เป็นวันที่ 1 เมษายน 2565 เพื่อให้ประชาชนได้เตรียมพร้อม ว่าล่าสุดตนได้หารือกับ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการ สธ.แล้ว และได้รับมอบหมายให้หารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คือ นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัด สธ. นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ และ นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) พิจารณาถึงข้อดีข้อเสียว่าจะประกาศในเรื่องนี้อย่างไร เพราะจะมีผลกระทบกับผู้ใช้บริการ

“ย้ำว่าขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการร่างประกาศ ซึ่งเดิมสถานการณ์ยังมีผู้ติดเชื้อไม่มาก แต่หลังจากเทศกาลตรุษจีนทิศทางติดเชื้อมากขึ้น จึงกังวลเรื่องการสื่อสารและมีปัญหาเรื่องการตีความประกันภัยที่ยังไม่จบ เพราะฉะนั้นการสื่อสารกับประชาชนให้เข้าใจเป็นหัวใจสำคัญ เพราะถ้าประชาชนไม่ทราบข้อมูล ไปใช้บริการนอกระบบ ต้องไปจ่ายเงินเอง ก็จะกระทบกลับมาที่รัฐบาลได้ จึงต้องใช้เวลาในการให้ข้อมูลว่า เมื่อประกาศยกเลิกยูเซ็ปโควิด-19 ต้องไปตามสิทธิ ถ้าไปโรงพยาบาล (รพ.) เอกชน พูดง่ายๆ ก็ต้องจ่ายเงิน” นายสาธิตกล่าว

รัฐมนตรีช่วยว่าการ สธ.กล่าวว่า นอกจากนี้มีอีกประเด็นว่า แม้อัตราการครองเตียงยังรับได้ แต่โควิด-19 ที่มีโรคเก่าร่วมอยู่ เช่น มะเร็ง แม้ไม่มีอาการก็ต้องการเตียงที่มีศักยภาพ จึงต้องคำนวณการใช้เตียงเพิ่มจากส่วนนี้ ดังนั้น การมีผู้ติดเชื้อที่สูงขึ้นจึงต้องใช้ศักยภาพของ รพ.เอกชนเหมือนกัน ขณะที่กรุงเทพมหานคร คนจะเข้าใจการเข้าระบบ Home Isolation (HI) ได้มาก แต่บางคนอยู่อาคารชุด คอนโดมิเนียม แต่นิติบุคคลยังไม่เข้าใจ ไม่ให้กักตัวก็อยากไปใช้บริการ รพ. แต่หากปลดออกจากยูเซ็ป รพ.เอกชนก็อาจปิดฮอสปิเทลลดลง ถ้ามีก็ยังเป็นทางเลือกให้ผู้ติดเชื้อที่ไม่มีอาการได้ในทุกทางเลือกที่ต้องการและไม่ต้องจ่ายเงิน ก็ต้องมาประเมินร่วมกัน ซึ่งถ้ามีข้อสรุปก็จะให้รองนายกฯสื่อสารกับประชาชนต่อไป

ผู้สื่อข่าวถามว่าหารือแล้วสรุปว่าจะเลื่อนหรือไม่ นายสาธิตกล่าวว่า ยังต้องหารืออีก เพราะยังไม่ประกาศ และประกาศยังไม่ได้ลงนาม ซึ่งการขยายไปวันที่ 1 เมษายน เป็นข้อเสนอเดิมของตน แต่ยังไม่ได้กำหนดออกมา ขึ้นอยู่กับกรณี (เคส) ด้วย เพราะตอนนี้เคสสูงขึ้นต้องดูว่าควรจะขยายไปหรือไม่กับสถานการณ์แบบนี้

Advertisement

เมื่อถามว่าเมื่อออกจากยูเซ็ปยังใช้ระบบสายด่วน 1330 เข้า Home Isolation ไม่เสียค่าใช้จ่ายเหมือนเดิมหรือไม่ นายสาธิตกล่าวว่า ยังได้เหมือนเดิม เมื่อติดต่อเข้าระบบแล้ว จะมีเจ้าหน้าที่ติดต่อกลับมาประเมินอาการและนัดหมายส่งอุปกรณ์และอาหาร แม้ขณะนี้ผู้ติดเชื้อเยอะขึ้นแต่ระบบรันได้ดี เพราะยูเซ็ปโควิดเกี่ยวกับการเข้า รพ.เอกชน เมื่อเกิดฉุกเฉินวิกฤต ซึ่งต้องผ่านการวินิจฉัยว่าวิกฤตจริงๆ แต่มีช่องว่างระหว่างฉุกเฉินวิกฤตและติดเชื้อที่ต้องไปใช้บริการก็ต้องระวังตรงนี้

“ส่วนการอยู่ร่วมกับโควิด-19 นั้น สธ.และรัฐบาลมีการประเมิน เรามีเกณฑ์ทำให้เป็นโรคประจำถิ่น ซึ่งแต่ละประเทศมีตัวเลขแตกต่างกันไป ทั้งฉีดวัคซีน จำนวนติดเชื้อ นโยบายรัฐบาล ตอนนี้เราต้องฉีดเข็มที่ 3 ให้มากที่สุด รวมถึงทำมาตรการ VUCA คู่ขนาน ซึ่งจะป้องกันติดเชื้อได้ดี ลดการเสียชีวิตและป่วยรุนแรง ถ้าบูสเตอร์ โดส เข็มที่ 3 ได้มาก ก็อาจจะมีการดำเนินการค่อยๆ ดาวน์ให้เป็นโรคประจำถิ่นได้” นายสาธิตกล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image