ศบค.แจงยังวางใจไม่ได้ แม้กราฟเบนหัวลง ‘กรุงเทพฯ’ ยันติดเชื้อเพิ่ม แต่ศักยภาพเตียงเพียงพอ

ยอดติดเชื้อวันนี้ยังพุ่งเกินหมื่น ดับ 26 ราย ‘กรุงเทพฯ’ ยังป่วยหนัก เกือบ 3 พันราย ลั่นแม้จะเป็นเดลต้าร้อยละ 20 แต่จะบอกอาการไม่รุนแรงไม่ได้ แจงยังวางใจไม่ได้แม้กราฟเบนหัวลง

เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 14 กุมภาพันธ์ ที่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) ทำเนียบรัฐบาล พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษก ศบค. แถลงสถานการณ์ประจำวัน ภายหลังการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ว่า พบผู้ป่วยรายใหม่ 14,900 ราย แบ่งเป็น ผู้ป่วยรายใหม่ 14,475 ราย จากการค้นหาเชิงรุกในชุมชน 135 ราย จากเรือนจำ 98 ราย และผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ 192 ราย ทำให้มียอดผู้ป่วยยืนยันสะสม 384,792 ราย รักษาหายป่วยเพิ่ม 9,810 ราย รวมรักษาหายป่วยสะสม 287,338 ราย ผู้ป่วยรักษาอยู่ 129,933 ราย

พญ.อภิสมัยกล่าวว่า พบผู้ป่วยโควิด-19 ที่มีอาการหนัก 687 ราย ใส่เครื่องช่วยหายใจ 138 ราย ทำให้มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 26 ราย รวมเสียชีวิตสะสม 764 ราย โดย 10 จังหวัดที่ติดเชื้อรายใหม่สูงสุด อันดับ 1 ยังคงเป็นกรุงเทพมหานคร (กทม.) 2,892 ราย อันดับ 2 สมุทรปราการ 888 ราย อันดับ 3 นนทบุรี 611 ราย อันดับ 4 ชลบุรี 590 ราย อันดับ 5 นครราชสีมา 567 ราย อันดับ 6 ภูเก็ต 486 ราย อันดับ 7 นครศรีธรรมราช 434 ราย อันดับ 8 ราชบุรี 324 ราย อันดับ 9 บุรีรัมย์ 317 ราย และอันดับ 10 นครปฐม 303 ราย ทั้งนี้ กลุ่มผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศอยู่ที่ประมาณ 7,000-8,000 ต่อวัน แต่มีผู้ที่ผลบวกติดเชื้อยืนยันตั้งแต่วันที่ 1-13 กุมภาพันธ์ อยู่ที่ 2,375 ราย ส่วนใหญ่เป็นแซนด์บ็อกซ์ สำหรับภาพรวมการฉีดวัคซีนตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2564 จนถึงวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2565 เข็มที่ 1 สะสม 52,793,091 โดส เข็ม 2 สะสม 49,229,204 โดส และเข็ม 3 สะสม 17,987,611 โดส

พญ.อภิสมัยกล่าวต่อว่า ผู้เสียชีวิต 26 ราย เป็นผู้ที่มีอายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไป โดยแบ่งเป็น กทม. 9 ราย กาญจนบุรี สุพรรณบุรี จังหวัดละ 2 ราย นครปฐม สมุทรปราการ กาฬสินธุ์ นครราชสีมา อุบลราชธานี เชียงราย เชียงใหม่ พังงา พัทลุง สุราษฎร์ธานี ตราด ราชบุรี และสระบุรี จังหวัดละ 1 ราย ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุและผู้ที่มีโรคประจำตัว รวมถึงการได้รับวัคซีน โดยในจำนวนผู้เสียชีวิต 26 ราย มี 14 ราย ที่ยังไม่มีประวัติได้รับวัคซีนแม้แต่เข็มหนึ่ง ส่วนที่ได้รับวัคซีน 1 เข็ม มี 2 ราย แต่ทิ้งช่วงห่างเกิน 4 เดือน ส่วนที่ได้รับวัคซีน 3 เข็ม เสียชีวิต 2 ราย ที่ประชุมมีการวิเคราะห์ว่าเป็นการรับวัคซีนในช่วงที่ยังไม่ถึงช่วงเวลาที่จะเกิดภูมิคุ้มกันที่มีประสิทธิภาพ โดยคลัสเตอร์ที่สำคัญของรายงานวันนี้ยังคงเป็นร้านอาหารและจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ คือใน จ.อำนาจเจริญ จ.สุพรรณบุรี จ.ร้อยเอ็ด ส่วนตลาดคลัสเตอร์ที่ได้รับรายงานคือ จ.นครราชสีมา จ.อุบลราชธานี จ.น่าน

Advertisement

“นอกจากนี้ ยังมีคลัสเตอร์โรงงานสถานประกอบการ คือ จ.ขอนแก่น จ.ปราจีนบุรี จ.นครราชสีมา ซึ่ง จ.นครราชสีมา มีรายงานทุกคลัสเตอร์ จ.ชลบุรี จ.ราชบุรี โดยในคลัสเตอร์โรงงาน สถานประกอบการ มักเกิดจากการรับประทานอาหารร่วมกัน มีการเปิดหน้ากากอนามัย พูดคุยกัน รวมถึงไม่มีการเว้นระยะห่าง โดยมักได้รับเชื้อมาจากบ้านและขณะทำงานไม่ได้เคร่งครัดมาตรการ ไม่มีการสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา

“เช่นเดียวกับคลัสเตอร์งานประเพณีต่างๆ เช่น งานศพที่ จ.ฉะเชิงเทรา จ.กาญจนบุรี จ.นครราชสีมา จ.มุกดาหาร จ.แม่ฮ่องสอน จ.อุทัยธานี ทั้งนี้ ใน กทม. มี 2 เขตที่ผู้ติดเชื้อเกิน 100 คน คือ เขตราชเทวี เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย และยังมีหลายพื้นที่ใน กทม.เริ่มพบคลัสเตอร์แคมป์ก่อสร้าง นอกจากนี้ ยังมีรายงานการติดเชื้อในโรงเรียนถึง 13 แห่งใน กทม. แต่ทาง กทม.ยืนยันว่าแม้จะมีการติดเชื้อเพิ่มขึ้น แต่ศักยภาพในการรักษาของเตียงผู้ป่วยยังคงเพียงพอ พญ.อภิสมัยกล่าว

Advertisement

พญ.อภิสมัยกล่าวต่อว่า สำหรับผู้เดินทางจากต่างประเทศตั้งแต่วันที่ 1-13 กุมภาพันธ์ พบติดเชื้อ 2,351 ราย จากยอดผู้เดินทางเข้าประเทศทั้งหมด 78,793 ราย คิดเป็น 2.96% หลายคนตั้งคำถามว่าควรปิดประเทศดีหรือไม่ ศบค.เห็นว่าเราควรยึดมาตรการผ่อนคลาย เพราะจำเป็นต้องขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ควบคู่ไปกับการป้องกันโควิด-19 อย่างสมดุล และในปัจจุบันหลายประเทศในยุโรปมีการผ่อนคลายมาตรการต่างๆ มากขึ้น ประเทศไทยควรปฏิบัติตามมาตรการเหล่านั้นหรือไม่ เราจะไปตามประเทศใดประเทศหนึ่งไม่ได้ เพราะหลายประเทศก็มีความผิดพลาดตามมาได้ ไม่มีวิธีใดยึดเป็นแบบอย่างได้ทั้งหมด เราควรวิเคราะห์สถานการณ์ในประเทศเราเป็นหลัก

พญ.อภิสมัยกล่าวว่า ภาพรวมการติดเชื้อในประเทศไทย แม้ยอดผู้ติดเชื้อวันนี้จะอยู่ที่ 14,900 ราย แต่เหมือนกราฟจะเบนหัวลงมาเล็กน้อย แต่ยังวางใจไม่ได้ หลายจังหวัดยังมีผู้ติดเชื้อมากขึ้น ขณะที่ผู้ป่วยปอดอักเสบ ต้องใส่ท่อช่วยหายใจและเสียชีวิต ยังมีทิศทางที่สูงขึ้นอยู่ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ระบุว่า เชื้อโควิด-19 ในประเทศเป็นโอมิครอน ร้อยละ 80 เป็นเดลต้า ร้อยละ 20 จึงจะบอกว่าผู้ที่ติดเชื้อจะอาการไม่รุนแรงไม่ได้

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image