สาธิต เผย ปชป.จ่อลุยแก้ปมเด็กเกิดน้อย ดันเป็นวาระชาติ ชี้ทางแก้ต้องใช้เงิน

สาธิต เผย ปชป.จ่อลุยแก้ปมเด็กเกิดน้อย ดันเป็นวาระชาติ ชี้ทางแก้ต้องใช้เงิน

เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นปัญหาเด็กไทยเกิดน้อย ว่า ในฐานะพรรคการเมือง ที่มีรัฐมนตรีควบ 2 ตำแหน่งเกี่ยวข้อง คือ สธ. และกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ขณะนี้ได้เตรียมพูดคุยกันไว้บ้างแล้ว ซึ่งกำลังรอเพื่อชี้แจงต่อประชาชนในเวลาที่เหมาะสม

“ทั้งนี้ นโยบายที่จะออกมาต้องอาศัยเสียงของประชาชนดูผลกระทบและผลตอบรับ อย่างไรก็ตาม เราต้องเอาเรื่องนี้ไปหารือกัน” นายสาธิต กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามถึงตามที่ระบุว่าแม้จะเปลี่ยนอีกกี่รัฐบาลก็ต้องแก้ไขให้สำเร็จ โดยมีการตั้งข้อสังเกตว่าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) จะผลักดันนโยบายพรรคหรือไม่ นายสาธิต กล่าวว่า การจะกำหนดนโยบายพรรคต้องผ่านการหารือร่วมกันก่อน แต่ก็เป็นหนึ่งในนโยบายที่ตนคิดไว้ ซึ่งจะนำเสนอเข้าไปที่พรรคประชาธิปัตย์ ทั้งนี้ ตั้งเป้าว่าจะช่วยเหลือปัญหาเด็กเกิดน้อย ผู้สูงอายุ และกลุ่มเปราะบาง เพื่อสร้างคุณภาพชีวิต

เมื่อถามถึงกรณีการมีบุตรแล้วมีภาระค่าใช้จ่ายตามมา โดยมีการเสนอให้ใช้แนวคิด “คนละครึ่ง” เพื่อลดภาระของผู้ที่จะมีลูก นายสาธิต กล่าวว่า การลดค่าใช้จ่าย เช่น สิงคโปร์ ญี่ปุ่น ฯลฯ ที่เด็กเกิดแล้วได้รับเงินอุดหนุนถึงแสนบาท ก็พบว่าการอุดหนุนเรื่องเงินไม่ใช่ทั้งหมดของการปรับค่านิยม ก็ปรับเปลี่ยนนโยบายเป็นรับคนตามชาติเข้ามา ส่วนของประเทศไทยต้องค่อยๆ ให้สวัสดิการและเรียนรู้ระยะยาว ตั้งแต่เกิดจนเรียนจบปริญญาตรี เพื่อให้สามารถมีลูกอย่างมีคุณภาพอย่างไร

Advertisement

“ทุกข้อเสนอน่าสนใจหมด เราก็ต้องชงเรื่องงบประมาณ เราก็ต้องผลักดัน ด้วยเรามีความหลากหลายในทุกระดับ ต้องเข้าใจว่าเด็กเกิดใหม่ที่มีคุณภาพต้องมีความพร้อม ฉะนั้น เราต้องทั้งระบบช่วยค่าใช้จ่าย และการวางแผนในการมีลูก” นายสาธิต กล่าว

รัฐมนตรีช่วยว่าการ สธ. กล่าวด้วยว่า ได้หารือกับนายกรัฐมนตรี จะพยายามผลักดันให้เป็นวาระแห่งชาติ ทั้งนี้ คณะกรรมการอนามัยเจริญพันธุ์ ที่ สธ.เป็นประธานหลัก ในการดูแล แก้ไขปัญหาเด็กเกิดน้อยนี้ ก็จะเดินหน้าอย่างเป็นระบบ

“ในวันนี้ทำไปแล้วระดับหนึ่ง แต่หากจะปรับเปลี่ยนค่านิยม เราต้องทำให้ว้าวขึ้นมา ผมได้มอบให้สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เชิญอินฟลูเอนเซอร์ที่มีความสุขในการเลี้ยงลูก ที่มีความสนุกในการเลี้ยงลูก มาเป็นตัวอย่างการวางแผนครอบครัว ซึ่งจะมีต้นแบบในแต่ละพื้นฐานรายได้ครอบครัว หากรัฐบาลช่วยกันทั้งหมดทุกกระทรวง ก็จะค่อยๆ ทำให้ฐานความคิดคนเริ่มเปลี่ยน อาจจะอย่างน้อย 5 ปี” นายสาธิต กล่าว

Advertisement

เมื่อถามถึงหน่วยงานที่เป็นเจ้าภาพ และการเดินหน้าของแต่ละกระทรวง เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหา นายสาธิต กล่าวว่า เจ้าภาพคือ คณะกรรมการอนามัยเจริญพันธุ์ สธ. เรื่องนี้อยู่ร่วมกับทุกกระทรวง เราเหลือการให้ความสำคัญอย่างจริงจัง และการคำนวณงบประมาณ เพื่อประเมินว่าจะสามารถปรับเปลี่ยนค่านิยมได้จริงหรือไม่ ทั้งนี้ หากเป็นวาระแห่งชาติ ต้องใช้งบประมาณเทเข้าไป ฉะนั้น เราก็ต้องช่วยกัน ในวันนี้เรามีเพียงชุดสิทธิประโยชน์ในการส่งเสริมให้คนไทยมีลูก แต่ในอนาคตที่มีเรื่องค่าใช้จ่าย เราก็ยังไม่กล้าพูดต้องใช้งบประมาณมากแค่ไหน แต่กล้าพูดว่ารัฐบาลให้ความสำคัญ ซึ่งต้องใช้เงิน ไม่ฉะนั้นก็จะแก้ไขปัญหาไม่ได้

“วาระแห่งชาติ เช่น คนละครึ่ง ที่น่าจะใช้ได้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจแต่หากเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว การให้ความสำคัญในเรื่องนี้ต้องลดลง เพราะไม่ฉะนั้นจะกลายเป็นประชานิยม ดังนั้น เรื่องนี้ต้องเป็นนโยบายที่จำเป็น เพื่อปรับเงินมาใช้ในส่วนที่ต้องให้ความสำคัญ เช่น การปรับโครงการประชากร” นายสาธิต กล่าว

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image