สคทช.ยกระดับพื้นที่ต้นแบบการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนในป่าสงวนแห่งชาติ

สคทช.ยกระดับพื้นที่ต้นแบบการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนในป่าสงวนแห่งชาติ

ดร. รวีวรรณ ภูริเดช ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (ผอ.สคทช.) กล่าวว่า ด้วยสภาพภูมิประเทศบริเวณตำบลบ้านทำเนียบ อำเภอคีรีรัฐนิคม จังหวัดสุราษฎร์ธานี ส่วนใหญ่เป็นเขาดินและเขาหินปูน และลาดชันตามแนวเขตในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าบางเบาและป่าคลองเซียด เป็นพื้นที่ราบประมาณ ร้อยละ 31.81 และพื้นที่ลาดชันประมาณ ร้อยละ 68.19 ซึ่งกรมป่าไม้ ในฐานะหน่วยงาน เจ้าของพื้นที่ รับผิดชอบพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติได้นำนโยบายของ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ตระหนักถึงความสำคัญของป่าไม้ที่ส่งผลต่อสภาพแวดล้อมที่ดีโดยรวมทั้งประเทศ

ในขณะเดียวกันก็ได้เล็งเห็นถึง ความเดือดร้อนของราษฎรที่อยู่อาศัยทำกินในพื้นที่ป่าอยู่แล้วมาอย่างยาวน ขับเคลื่อนไปสู่การปฏิบัติ เพื่อแก้ไขปัญหาให้กับราษฎรที่อยู่อาศัยและทำกินในป่าสงวนแห่งชาติมาอย่างต่อเนื่อง (ก่อนมติ คณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2541) ในพื้นที่ลุ่มน้ำ 3,4,5 โดยการอนุญาตให้ทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในลักษณะแปลงรวม ตามมาตรา 16 แห่งพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 ซึ่งได้ดำเนินการในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าบางเบาและป่าคลองเซียด ตำบลบ้านทำเนียบ อำเภอคีรีรัฐนิคม จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยมีการดำเนินงานตามขั้นตอนมาอย่างต่อเนื่อง ดังนี้

Advertisement

วันที่ 17 กรกฎาคม 2559 ในการประชุมคณะอนุกรรมการจัดหาที่ดิน ภายใต้คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) ครั้งที่ 2/2559 มีมติเห็นชอบให้นำพื้นที่ตำบลบ้านทำเนียบ อำเภอคีรีรัฐนิคม จังหวัดสุราษฎร์ธานี ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าบางเบาและป่าคลองเซียด กำหนดเป็นเป้าหมายไปดำเนินการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชน

วันที่ 16 มีนาคม 2560 กรมป่าไม้ได้ออกหนังสืออนุญาตให้จังหวัดสุราษฎร์ธานีเข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยภายในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าบางเบาและป่าคลองเซียด ตำบลบ้านทำเนียบ อำเภอคีรีรัฐนิคม จังหวัดสุราษฎร์ธานี (ตามมาตรา 16 แห่งพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507) เนื้อที่ 2,900 ไร่ 2 งาน 64 ตารางวา เพื่อดำเนินการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชน โดย คทช. จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้นำพื้นที่ที่ได้รับอนุญาตดังกล่าว ไปดำเนินการจัดที่ดินให้แก่ราษฎร จำนวน 295 ราย 295 แปลง และการส่งเสริมและพัฒนาอาชีพ ภายใต้กรอบการดำเนินงาน 3 ด้าน ได้แก่

Advertisement

ด้านทรัพยากรดิน กรมพัฒนาที่ดินได้เข้าไปส่งเสริมการปรับปรุงดิน ช่วยวางแผนการใช้ดิน ส่งเสริมให้ความรู้ในด้านการจัดหาแหล่งน้ำธรรมชาติ และการจัดเก็บน้ำโดยการทำฝายชะลอน้ำและมีการจัดหาพื้นที่ในการขุดสระเพื่อ กักเก็บน้ำไว้ใช้ประโยชน์ด้านการเกษตรในช่วงภาวะแห้งแล้ง และยังให้ความรู้ เรื่องสารเร่งซุปเปอร์ พด.1 มาหมักกับเศษวัสดุ ธรรมชาติ เช่น ขี้วัว ขี้แพะ หัวปลา ผักผลไม้ที่เหลือกินเหลือใช้ เพื่อนำไปใช้ในการปรับปรุงดิน ทำให้ผลผลิตทางการเกษตรมีคุณภาพและผลผลิตที่ดีมากยิ่งขึ้น

ด้านการรวมกลุ่ม โดยการส่งเสริมสนับสนุนการรวมกลุ่มตามความต้องการของราษฎรเพื่อจัดตั้งสหกรณ์ และจัดทำแผนการส่งเสริมและพัฒนาสหกรณ์ในการดำเนินธุรกิจ โดยจัดตั้งสหกรณ์การเกษตร ป่าบางเบาบ้านควนทัง มีการส่งเสริมอาชีพการเลี้ยงสัตว์และเพาะปลูกพืชผักที่เหมาะสมกับสภาพ ความเป็นอยู่ของแต่ละครัวเรือนและยังเป็นการเพิ่มองค์ความรู้และรายได้เสริมให้แก่ครัวเรือนและชุมชน

ด้านการจัดทำบัญชีครัวเรือน กรมตรวจบัญชีสหกรณ์เข้าไปแนะนำ ส่งเสริมการจัดทำบัญชีครัวเรือนเพื่อให้สอดคล้องตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โดยการให้ความรู้แก่สมาชิกเกี่ยวกับการจัดทำบัญชีรายรับ รายจ่ายภายใน ครัวเรือน เพื่อให้ทราบถึงรายรับและรายจ่าย และสามารถลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็น ส่งผลให้สมาชิกมีเงินคงเหลือมากขึ้นกว่าเดิม สามารถนำไปเป็นเงินออมในครัว เรือน อีกทั้งทำให้รู้จักการหารายได้เสริม นอกเหนือจากอาชีพหลักและยังให้ครัวเรือนรู้จักพอประมาณตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง

อย่างไรก็ตามพื้นที่แห่งนี้ นับว่าเป็นพื้นที่ที่มีการรวมกลุ่มเกษตรกรที่ความเข้มแข็ง สามารถบริหารจัดการโดยชุมชนได้ และทําให้การบริหารจัดการที่ดินของชุมชนเกิดความยั่งยืน​ สํานักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติจะดําเนินการเพื่อยกระดับการจัดที่ดินทํากินให้ชุมชน​ โดยปรับเปลี่ยนให้ผู้ขอใช้ประโยชน์การอยู่อาศัยและทำกินในป่าสงวนแห่งชาติจากผู้ว่าราชการจังหวัด​เป็นสหกรณ์​ วิสาหกิจชุมชน หรือกลุ่มเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนกับหน่วยงานของรัฐในพื้นที่ที่ดําเนินการจัดที่ดินทํากินให้ชุมชนตามนโยบาย คทช.​

 

ภายใต้เงื่อนไขแนวทางปฏิบัติของกรมป่าไม้ มาตรา 16 แห่ง พระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 และเป็นไปตามแนว​ทางการประเมินความเข้มแข็ง​ในการบริหาร​จัดการ​ของสหกรณ์​โดยกรมส่งเสริมสหกรณ์​ และเสนอผ่าน คทช.จังหวัด เพื่อให้ความเห็นชอบการขอเปลี่ยนผู้ขอใช้ประโยชน์ และเสนอไปยังกรมป่าไม้เพื่อดําเนินการตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง​ต่อไป ดร. รวีวรรณ กล่าว

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image