สธ.เซฟ 608 จ่ายโมลนูพิราเวียร์ รณรงค์ฉีดวัคซีนโควิด 21-31 มี.ค.นี้ เลือกได้!บูสต์เต็ม/ครึ่งโดส

สธ.เซฟ 608 จ่ายโมลนูพิราเวียร์ รณรงค์ฉีดวัคซีนโควิด 21-31 มี.ค.นี้ เลือกได้!บูสต์เต็ม/ครึ่งโดส

วันนี้ (15 มีนาคม 2565) ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นพ.เกียริตภูมิ วงศ์รจิต ปลัด สธ. ให้สัมภาษณ์ว่า สธ.ได้เร่งดำเนินการรณรงค์ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เข็มกระตุ้นให้กับกลุ่มผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง และหญิงตั้งครรภ์ หรือเรียกว่า กลุ่ม 608 เนื่องจากวันนี้มีรายงานผู้เสียชีวิตรายใหม่ จำนวน 70 ราย พบว่าในจำนวนนี้ ไม่ได้ฉีดวัคซีนหรือฉีดไม่ครบมากถึง 52 ราย และเป็นกลุ่ม 608 สูงถึงร้อยละ 97

 

เป็นไปตามข้อมูลที่ สธ.เคยเก็บรวบรวมไว้ ขณะนี้อัตราผู้เสียชีวิตตามอายุ แบ่งเป็น 1-50 ปี ต่ำกว่าร้อยละ  0.1 อายุ 50-60 ปี ต่ำกว่า ร้อยละ 0.3 แต่กลุ่ม 60-70 ปีขึ้นไป สูงถึงร้อยละ 7.5 ทั้งนี้ ผู้เสียชีวิตที่พบมากอยู่ในกลุ่มผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง ผู้ป่วยมะเร็ง โรคไตระยะสุดท้าย เป็นต้น ดังนั้น เราจึงต้องเร่งฉีดวัคซีนในกลุ่ม 608 เพื่อลดอัตราเสียชีวิต อย่างไรก็ตาม ตามที่ได้เคยแจ้งแล้วว่าประเทศไทยได้นำเข้ายาโมลนูพิราเวียร์จากบริษัทผู้ผลิต และยาจะเข้ามาภายในสัปดาห์นี้ ซึ่งจะเริ่มใช้ยาดังกล่าวในกลุ่ม 608 และประชาชนทั่วไป คาดว่าจะช่วยลดอัตราเสียชีวิตได้มากขึ้น” นพ.เกียรติภูมิ กล่าว

Advertisement

ปลัด สธ. กล่าวว่า การฉีดวัคซีนโควิด-19 เข็มกระตุ้น (บูสเตอร์ โดส) ในกลุ่ม 608 นั้น จะใช้วัคซีน mRNA เป็นวัคซีนไฟเซอร์ โดยจะให้ผู้ประสงค์รับวัคซีนเลือกว่า อยากฉีดปริมาณเต็มโดส หรือครึ่งโดส (Half Dose)เพื่อลดอาการไม่พึ่งประสงค์หลังฉีดได้ โดยเฉพาะการฉีดกระตุ้นเข็มที่ 4 จะให้ฉีดแบบครึ่งโดส ซึ่งจะครอบคลุมถึงประชาชนทั่วไปด้วย

“ซึ่งเรามีข้อมูลทางวิชาการยืนยันว่า การฉีดครึ่งโดส ภูมิคุ้มกันขึ้นได้ดี และลดอาการไม่พึงประสงค์ได้ ทั้งนี้ เดือนเมษายนนี้ จะเข้าสู่เทศกาลสงกรานต์ ผู้สูงอายุส่วนใหญ่อยู่บ้าน แล้วลูกหลานกลับไปเยี่ยม สธ.จึงมีแนวทาง 2 เรื่องที่ต้องเร่งทำ คือ 1.สัปดาห์รณรงค์ฉีดวัคซีน “SAVE 608” ระหว่างวันที่ 21-31 มีนาคม 2565 เร่งการฉีดเข็มกระตุ้นให้มากที่สุดตามเกณฑ์เฉลี่ยของแต่ละจังหวัด เนื่องจากภาพรวมกลุ่ม 608 เข็มที่ 1 ฉีดได้ ร้อยละ 83 เข็มที่ 2 ร้อยละ 78.8 และเข็มที่ 3 ร้อยละ 32 แต่บางพื้นที่ฉีดเข็มกระตุ้นครอบคลุมต่างกัน เช่น เข็มที่ 3 ได้ร้อยละ 70-80 อีกพื้นที่ได้ร้อยละ 20 เราก็จะให้นโยบายเร่งฉีดให้มากที่สุดตามศักยภาพ ซึ่งขณะนี้ฉีดวัคซีนได้เพียงวันละ 2 แสนโดส แต่ศักยภาพของเราได้ถึงวันละล้านโดส ดังนั้น ขอให้ผู้สูงอายุ กลุ่ม 608 เร่งไปรับการฉีดวัคซีน และ 2.ขอให้ผู้ที่จะเดินทางกลับไปหาผู้สูงอายุที่บ้าน ทำ Self-Clean Up ตัวเอง 1 สัปดาห์ก่อนเดินทาง ด้วยการลดไปกิจกรรมและเข้าพื้นที่เสี่ยง เช่น ปาร์ตี้ เข้าไปในพื้นที่คนแออัด ลดการพบปะผู้คน และก่อนเดินทางให้ตรวจ ATK เพื่อความปลอดภัย 1 ครั้ง” นพ.เกียรติภูมิ กล่าว

นพ.เกียติภูมิ ยังกล่าวถึงเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน ว่า ขณะนี้โจมตีผู้สูงอายุมาก มีการป่วยและเสียชีวิตสูง แต่บางส่วนก็ไม่ได้เสียชีวิตจากโควิด-19 เป็นการเสียชีวิตจากโรคเรื้อรังที่เป็นอยู่แล้ว จะเห็นว่ากลุ่มที่เสียชีวิตที่ไม่มีปอดอักเสบถึงร้อยละ 30 โดยหากฉีดวัคซีนครอบคลุมกลุ่มนี้ได้ดี ซึ่งกำลังเร่งดำเนินการอยู่ ก็น่าจะควบคุมการเสียชีวิตได้ ทั้งนี้ กรมควบคุมโรคกำลังคำนวณเป้าหมายลดอัตราเสียชีวิต ซึ่งหากฉีดเข็มที่ 3 ให้ผู้สูงอายุได้ถึงร้อยละ 50-60 การลดเสียชีวิตจะไม่ได้เป็นไปตามสัดส่วนการฉีดที่เพิ่มขึ้น แต่จะลดการเสียชีวิตได้แบบทวีคูณ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image