สปสช.เปิดสิทธิบัตรทองดูแลช่องปากคนไทยเด็ก-สูงวัย ล่าสุดจัดหารากฟันเทียมกว่า 7พันชุด

สปสช.เปิดสิทธิบัตรทองดูแลช่องปากคนไทยเด็ก-สูงวัย ล่าสุดจัดหารากฟันเทียมกว่า 7พันชุด

เมื่อวันที่ 20 มีนาคม ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เปิดเผยว่า องค์การอนามัยโลกกำหนดให้วันที่ 20 มีนาคมของทุกปี เป็น “วันทันตสาธารณสุขโลก” เพื่อให้ทุกประเทศรณรงค์ป้องกันการสูญเสียฟัน ซึ่งประเทศไทยเองภายใต้กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง) มีบริการทันตกรรมที่นับเป็นอีกหนึ่งสิทธิประโยชน์ที่ได้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ตลอดระยะเวลากว่า 20 ปีที่ผ่านมา ให้ครอบคลุมบริการที่จำเป็นในทุกกลุ่มวัย ทั้งกลุ่มเด็กเล็ก กลุ่มเด็กโตและวัยรุ่น กลุ่มผู้ใหญ่ ไปจนถึงกลุ่มผู้สูงอายุ

ทพ.อรรถพร กล่าวว่า จากสถิติการรับบริการผู้ป่วยนอก (OP) ของสิทธิบัตรทอง ในปีงบประมาณ 2564 พบว่ามีประชาชนเข้ารับบริการรักษาฟันผุ จำนวน 2,721,998 ครั้ง เป็นอันดับที่ 9 ตามมาด้วยบริการรักษาเหงือกอักเสบและปริทันต์ จำนวน 1,498,664 ครั้ง ซึ่งเป็นอันดับที่ 11 ขณะที่บริการรักษาโรคของเนื้อเยื่อในฟันและเนื้อเยื่อรอบปลายรากฟัน มีจำนวน 1,321,107 ครั้ง เป็นอันดับที่ 13 ของโรคหรือกลุ่มโรคที่มีผู้เข้ารับบริการทั้งหมด สำหรับในส่วนบริการทันตกรรมจัดฟันและฝึกพูดในผู้ป่วยที่ผ่าตัดรักษาปากแหว่ง/เพดานโหวซึ่งส่วนใหญ่เป็นเด็กแรกเกิด ปี 2564 มีผู้ป่วยเข้ารับบริการ จำนวน 999 ราย

ทพ.อรรถพร กล่าวว่า นอกจากบริการรักษาทันตกรรม ไม่ว่าจะเป็นการขูดหินปูน การอุดฟัน หรือการถอนฟันแล้ว สิทธิบัตรทองยังครอบคลุมบริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคด้านทันตกรรมด้วย ซึ่งบริการนี้ดูแลประชาชนในทุกสิทธิประกันสุขภาพ ไม่จำกัดเฉพาะผู้มีสิทธิบัตรทองเท่านั้น แต่ครอบคลุมคนไทยทุกคนเพื่อให้เข้าถึงบริการส่งเสริมและป้องกันให้มีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี โดย สปสช. ได้จัดเป็นสิทธิประโยชน์กลุ่มวัยตามความจำเป็นที่ต้องได้รับบริการ

Advertisement

“เริ่มจากกลุ่มเด็กอายุ 0-5 ปี จะได้รับบริการตรวจสุขภาพช่องปาก และการเคลือบฟลูออไรด์, ทาฟลูออไรด์วานิช ต่อมาในกลุ่มเด็กโตและวัยรุ่นอายุ 6-24 ปี กลุ่มผู้ใหญ่อายุ 25-59 ปี และกลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป จะได้รับบริการตรวจสุขภาพช่องปาก การเคลือบฟลูออไรด์ ทาฟลูออไรด์วานิชความเข้มข้นสูงเฉพาะที่เช่นเดียวกัน มีเพียงบริการการเคลือบหลุมร่องฟันสำหรับฟันกรามถาวรซี่ที่ 6, 7, 4 และ 5 ที่จะเป็นสิทธิประโยชน์เฉพาะกลุ่มเด็กโตและวัยรุ่นเท่านั้น ขณะที่ในกลุ่มหญิงตั้งครรภ์ยังมีบริการขัดและทำความสะอาดฟัน ช่วงฝากครรภ์ ครั้งที่ 1 หรือครั้งที่ 2” ทพ.อรรถพร กล่าว

รองเลขาธิการ สปสช. กล่าวว่า นอกจากนี้ นับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2565 เป็นต้นมา สปสช.ยังได้เพิ่มสิทธิประโยชน์ใหม่ คือ บริการผ่าตัดใส่รากฟันเทียมสำหรับผู้ที่ไม่มีฟันทั้งปาก ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตให้ผู้ป่วยสิทธิบัตรทองที่ไม่มีฟันทั้งปาก และมีข้อบ่งชี้การใส่รากฟันเทียม ด้วยบริการผ่าตัดใส่รากฟันเทียมและการบำรุงรักษา คิดเป็นค่าใช้จ่ายจำนวน 24,200 บาทต่อราย ล่าสุดที่ประชุมคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2565 ซึ่งมี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เป็นประธาน ได้มีมติเห็นชอบให้เพิ่มเติมการจัดหารายการรากฟันเทียม เป็นรายการตามแผนการจัดซื้อยา เวชภัณฑ์ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จําเป็นตามโครงการพิเศษ ประจำปีงบประมาณ 2565 จำนวน 7,000 ชุด วงเงินไม่เกิน 21 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนบริการผ่าตัดใส่รากฟันเทียมอย่างครบวงจร

“หลังจากที่บอร์ด สปสช. ได้มีมติเห็นชอบแล้ว สปสช.ได้แจ้งเครือข่ายหน่วยบริการโรงพยาบาล (รพ.) ราชวิถีดำเนินการจัดหาเพิ่มเติมรายการรากฟันเทียม เป็นรายการตามแผนการจัดซื้อยา เวชภัณฑ์ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จําเป็นตามโครงการพิเศษต่อไป ซึ่งเป็นการสนับสนุนเพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับผู้สูงอายุ ทำให้มีฟันในการบดเคี้ยวอาหารที่ช่วยให้ผู้สุงอายุมีสุขภาพที่ดีขึ้น เป็นการพัฒนาชุดสิทธิประโยชน์เพื่อให้ครอบคลุมการดูแลคนไทยทุกกลุ่มวัย” ทพ.อรรถพร กล่าว

Advertisement

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 1330 ตลอด 24 ชม. หรือ คลิก https://lin.ee/zzn3pU6 เพิ่มเพื่อนไลน์กับ สปสช.@nhso

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image