แพทย์ชี้เหตุดาราชายดับกระทันหัน ไม่ชัดโรคใหลตาย ต้องรอผลชันสูตร
กรณีการเสียชีวิตของดาราชาย โดยรายงานข่าวกล่าวถึง “โรคใหลตาย” แต่ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นโรคนี้จริงหรือไม่ ต้องรอผลการพิสูจน์จากสถาบันนิติเวชนั้น
วันนี้ (25 มีนาคม 2565) นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า การเสียชีวิตอย่างกระทันหันจากโรคหัวใจที่เกิดภายใน 1 ชั่วโมง หลังเริ่มมีอาการจากการทำงานของระบบไฟฟ้าในหัวใจผิดปกติ ทำให้หัวใจห้องล่างมีการเต้นผิดจังหวะชนิดร้ายแรง หรือ เต้นพลิ้ว (ventricular tachycardia/ ventricular fibrillation หรือVT/VF) ซึ่งเกิดขึ้นทันที โดยไม่มีสัญญาณเตือน ทำให้หัวใจไม่สามารถสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงร่างกายได้ตามปกติผู้ป่วยจะเกิดอาการวูบหมดสติ เนื่องจากสมองขาดเลือดไปเลี้ยง อาจจะมีอาการชักเกร็งกระตุกร่วมด้วย ผู้ป่วยไม่หายใจ และคลำชีพจรไม่ได้ ซึ่งถือว่าเป็นภาวะฉุกเฉินที่ต้องมีการกู้ชีพ (CPR) ทันที เพื่อให้มีออกซิเจนจากปอดไปเลี้ยงสมองอย่างเพียงพอจนกว่าการทำงานของหัวใจจะกลับมาเต้นปกติ โดยใช้เครื่องกระตุกหัวใจอัตโนมัติ หรือ เออีดี (AED) การปล่อยให้ล่าช้า ยิ่งนานเท่าไรโอกาสการรอดชีวิตจะลดลง และถ้าสมองขาดเลือดนานเกินไป ผู้ป่วยอาจจะฟื้นแต่มีความพิการทางสมองตามมา
ด้าน นพ.เอนก กนกศิลป์ ผู้อำนวยการสถาบันโรคทรวงอก กล่าวเพิ่มเติมว่า Sudden cardiac death เป็นสาเหตุหลักในการเสียชีวิตนอกโรงพยาบาล (รพ.) โดยความเสี่ยงจะเพิ่มขึ้นตามอายุ และสาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน โดยมีสาเหตุจากหลอดเลือดหัวใจตีบตัน ส่วนผู้ป่วยที่อายุน้อยกว่า 35 ปี พบการเสียชีวิตอย่างกะทันหันจากโรคหัวใจอยู่ระหว่าง 0.5 – 8 ต่อ 100,000 คนต่อปี สาเหตุของการเกิด ได้แก่ โรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน กล้ามเนื้อหัวใจพิการแต่กำเนิดชนิดแฝง เช่น โรคกล้ามเนื้อหัวใจหนา (Hypertrophic cardiomyopathy) โรคกล้ามเนื้อหัวใจบีบตัวอ่อนแรง (Dilated cardiomyopathy) โรคไหลตาย (Brugada syndrome) ผู้ที่มีประวัติของการเสียชีวิตกระทันหันในครอบครัว ความผิดปกติในทางเดินกระแสไฟฟ้าของหัวใจความผิดปกติแต่กำเนิดของหลอดเลือดโคโรนารีที่เลี้ยงหัวใจ (Abnormalities of coronary arteries) ซึ่งเป็นโรคหัวใจแฝงในบางครั้งไม่แสดงอาการและดูภายนอกเหมือนปกติคนทั่วไป
นพ.เอนก กล่าวว่า ส่วนโรคใหลตาย (Brugada Syndrome) เป็นโรคหนึ่งในกลุ่มโรค Cardiac channelopathy เป็นโรคทางพันธุกรรมที่โครงสร้างหัวใจปกติ (normal structural heart) มีการเปลี่ยนแปลงของยีน (SCN5A) ของกล้ามเนื้อหัวใจ ส่งผลให้ Ion channel ของ Sodium ทำงานผิดปกติผู้ป่วยจะมีกราฟไฟฟ้าหัวใจผิดปกติ มีลักษณะจำเพาะ (Coved-type ST-segment elevation V1-V3) ทำให้ง่ายต่อการเกิดหัวใจห้องล่างเต้นผิดปกติชนิดรุนแรง (polymorphic VT, ventricular fibrillation) ซึ่งทำให้ระบบหมุนเวียนโลหิตล้มเหลวหัวใจหยุดเต้นและเสียชีวิตอย่างกระทันหัน
“กรณีการเสียชีวิตของดาราชาย ซึ่งยังหนุ่มมีร่างกายแข็งแรง อายุน้อย ไม่มีประวัติโรคประจำตัว หรืออาการของโรคหัวใจมาก่อน โดยรายงานข่าวกล่าวถึงโรคใหลตาย ซึ่งไม่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นโรคนี้จริง ต้องมีผลการตรวจกราฟไฟฟ้าหัวใจก่อนเสียชีวิตว่ามีลักษณะจำเพาะที่บ่งบอกได้ว่าเป็น Brugada pattern และรอผลการพิสูจน์จากสถาบันนิติเวชว่า ไม่มีโรคหัวใจชนิดแฝงอื่น หรือโดยวิธีถอดรหัสพันธุกรรม” นพ.เอนก กล่าว
ทั้งนี้ นพ.เอนก กล่าวว่า การรักษาผู้ป่วย Brugada Syndrome ยังไม่มีการรักษาให้หายขาด แต่การรักษาที่สำคัญ ได้แก่
1.การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่สำคัญ ได้แก่ หลีกเลี่ยงการได้รับยาที่ทำให้เกิดกราฟไฟฟ้าหัวใจผิดปกติมากขึ้น ได้แก่ ยารักษาหัวใจเต้นผิดปกติ (Class Ia ,Ic) ยารักษาจิตเวชบางกลุ่ม ยาชายาสลบ บางกลุ่ม งดการดื่มแอลกอฮอล์ ถ้ามีอาการไข้สูงต้องรีบทำการรักษาลดอาการไข้สูง
2.การรักษาโดยวิธีผ่าตัดฝังเครื่องกระตุกไฟฟ้าหัวใจ (AICD implantation )ในผู้ป่วย Brugada syndrome ที่รอดจากการเสียชีวิตกระทันหัน หรือตรวจพบภาวะหัวเต้นผิดปกติชนิดร้ายแรง
3.การรักษาโดยการให้ยา Quinidine (ไม่มียาในประเทศไทย) ในผู้ป่วยที่ไม่สามารถจะรับการรักษาโดยวิธีผ่าตัดฝังเครื่องกระตุกไฟฟ้า หรือเพื่อลดการกระตุกของเครื่องกระตุกไฟฟ้าลดอาการและภาวะแทรกซ้อนจากการกระตุกรักษาของเครื่อง
ซึ่งการรักษาโดยวิธีการศึกษาสรีระไฟฟ้าหัวใจและการรักษาโดยการจี้ด้วยคลื่นวิทยุไฟฟ้า ในผู้ป่วยที่ไม่สามารถจะรับการรักษาโดยวิธีผ่าตัดฝังเครื่องกระตุกไฟฟ้า หรือเพื่อลดการกระตุกของเครื่องกระตุกไฟฟ้าลดอาการและภาวะแทรกซ้อนจากการกระตุกรักษาของเครื่อง เป็นการรักษาที่ซับซ้อนต้องใช้เครื่องมือเทคโนโลยีชั้นสูง โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญสาขาอายุรศาสตร์หัวใจอนุสาขาสรีระไฟฟ้าหัวใจ ยังไม่แพร่หลายและยังอยู่ระหว่างการศึกษาต่อเนื่อง