อัพเดต “บัตรทอง” รักษาทุกที่ โมเดล รพ.พระนครศรีอยุธยา

นโยบาย บัตรทอง 30 บาท รักษาทุกที่Ž เป็นหนึ่งในนโยบายที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติให้เป็นของขวัญปีใหม่ 2565 แก่ประชาชนผู้ใช้สิทธิบัตรทอง ให้สามารถไปรับบริการในหน่วยบริการปฐมภูมิที่ไหนก็ได้โดยไม่ต้องใช้ใบส่งตัว หรือต้องจ่ายเงินค่ารักษาเอง

ผ่านมาแล้ว 3 เดือน โรงพยาบาล (รพ.) ที่รับนโยบายไปปฏิบัติมีผลการดำเนินงานเป็นอย่างไร มีผู้ไปรับบริการมากน้อยเพียงใด วันนี้ มาดูตัวอย่างประสบการณ์จาก รพ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็น รพ.ศูนย์ขนาดใหญ่ที่รองรับผู้ป่วยในเขต อ.พระนครศรีอยุธยา ตลอดจนรับส่งต่อผู้ป่วยจาก รพ.อื่นๆ ทั่วทั้ง จ.พระนครศรีอยุธยา และพื้นที่ใกล้เคียง

Advertisement

นพ.จักรี สาริกานนท์ รองผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์ รพ.พระนครศรีอยุธยา บอกว่า เมื่อมีนโยบายนี้ออกมา รพ.ได้สื่อสารภายในกับ Core Team และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการเพื่อรับทราบนโยบาย ขณะเดียวกัน ก็สื่อสารกับประชาชนให้ทราบถึงนโยบายดังกล่าว ทั้งการติดป้ายประชาสัมพันธ์ แจ้งผ่านเว็บไซต์ แจ้งผู้ป่วย ณ จุดคัดแยก โดยขั้นตอนการปฏิบัตินั้น เมื่อมีผู้ใช้สิทธิบัตรทองจากนอกพื้นที่ เช่น จากต่างอำเภอ หรือจากต่างจังหวัด เข้าไปรับบริการ ผู้ป่วยจะไปที่จุดคัดแยกก่อน เพื่อคัดกรองผู้ป่วยอาการรุนแรงไปเข้าห้องฉุกเฉิน ส่วนกลุ่มที่มีอาการเจ็บป่วยไม่มาก จะส่งไปที่ห้องบัตรเพื่อตรวจสอบสิทธิ ถ้าผู้ป่วยรายนั้นเป็นสิทธิบัตรทองจากนอกพื้นที่ อ.พระนครศรีอยุธยา ก็จะได้รหัสเป็น UQ จากนั้นก็พิมพ์เอกสารให้ผู้ป่วยนำไปยื่นที่ห้องตรวจและเข้าสู่กระบวนการซักประวัติ พบแพทย์ รับยาตามกระบวนการปกติ

“แต่ก่อนผู้ป่วยที่อยู่นอกพื้นที่ อ.พระนครศรีอยุธยา พอตรวจสอบสิทธิแล้ว ระบบจะแจ้งว่าเป็นสิทธิที่ต้องชำระเงิน แต่ต่อจากนี้จะไม่มีคำว่าชำระเงินแล้ว จะขึ้นรหัสสิทธิเป็น UQ แทน ซึ่งจะรับบริการฟรี ไม่ต้องจ่ายเงินเอง และเรายังเน้นย้ำห้องบัตรด้วยว่า หากเมื่อไรที่ระบบแจ้งขึ้นมาว่าให้ชำระเงิน อาจจะมีปัญหาผิดพลาด ให้ตรวจสอบดีๆ ถ้าเป็นสิทธิบัตรทอง ต้องให้เขารับบริการโดยไม่มีค่าใช้จ่ายŽ” นพ.จักรีกล่าว

สำหรับผู้ป่วยที่ไปรับบริการนั้น นพ.จักรีกล่าวว่า นับตั้งแต่ที่เริ่มนโยบายนี้ สถิติผู้ป่วยบัตรทองนอกพื้นที่เข้ารับบริการในเดือนมกราคม จำนวน 115 ราย เดือนกุมภาพันธ์ 104 ราย และเดือนมีนาคม 60 ราย ถือว่าไม่มากเมื่อเทียบกับจำนวนผู้ไปรับบริการที่แผนกผู้ป่วยนอกซึ่งเฉลี่ย 1,900 รายต่อวัน และอาการเจ็บป่วยก็เป็นโรคทั่วไปที่ไม่มีอาการรุนแรง เช่น ปวดท้อง ลำไส้อักเสบ ท้องอืดท้องเฟ้อ เป็นผื่น และมีสถิติเข้ารับบริการเฉลี่ยประมาณ 2 ครั้งต่อราย คาดว่าน่าจะเป็นกลุ่มคนที่ทำงานใน อ.พระนครศรีอยุธยา เพียงระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น ไม่ได้ทำงานประจำหรืออยู่ในพื้นที่ระยะยาว

Advertisement

“ถ้าดูตัวเลขจำนวนผู้รับบริการ ก็ถือว่าไม่มาก แต่เป็นประโยชน์ ทำให้คนที่ไปไหนมาไหนแล้วมีเหตุต้องรับการรักษาพยาบาลสามารถเข้าไปใช้บริการได้เลย หรือหากมีโรคที่ต้องดูแลต่อเนื่อง ก็จะได้รับการดูแลโดยใช้สิทธิ ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ถือเป็นการอำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้สิทธิบัตรทองได้ดีมากขึ้น ส่วนปัญหาในทางปฏิบัติ ที่เจอขณะนี้เป็นส่วนของ รพ.เองที่ต้องปรับรหัสยา รหัสหัตถการ หรือรหัสเวชภัณฑ์อื่นๆ ให้ตรงกับรหัสที่ใช้ในระบบอี-เคลม (e-Claim) ของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เพื่อให้การเรียกเก็บเงินชดเชยค่าบริการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ”Ž นพ.จักรีกล่าว

นางอ่อนน้อม ธูปะวิโรจน์ หัวหน้ากลุ่มงานพยาบาลผู้ป่วยนอก รพ.พระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า ในช่วงแรกคาดการณ์ว่า เมื่อเปิดให้สามารถใช้สิทธิบัตรทองได้ทุกที่แล้ว จะมีผู้ป่วยไปรับบริการจำนวนมาก และมีการวางแผนกันว่าจะจัดระบบบริการอย่างไรไม่ให้เกิดความแออัด แต่ปรากฏว่า เมื่อดำเนินการจริง คนไข้จากต่างพื้นที่ไม่ได้ไปรับบริการมากอย่างที่คิด

“เพราะส่วนใหญ่คนไข้เคยไปรักษาที่ไหนก็จะไปที่นั่น จะมีก็เพียงบางส่วนที่ไปในพื้นที่ อ.พระนครศรีอยุธยา เป็นการชั่วคราว เช่น ท่องเที่ยว ไปหาลูกหลาน ทำให้สามารถให้บริการไปได้ตามที่เคยทำปกติโดยไม่ต้องปรับระบบอะไรมากนัก อย่างไรก็ดี จากการดำเนินงานมาได้ 3 เดือน ก็ยังพบปัญหาในทางปฏิบัติบ้างเล็กน้อย คือปัญหาการเชื่อมต่อข้อมูลสุขภาพระหว่าง รพ.ที่แต่ละแห่งใช้ระบบ HIS แตกต่างกัน ทำให้ไม่เห็นข้อมูลภาวะสุขภาพของผู้ป่วยที่ไปรับบริการ ซึ่งประเด็นนี้ได้มีการหารือกันในระดับจังหวัดแล้ว โดยจะหาโปรแกรมกลางมาเชื่อมต่อข้อมูลระหว่าง รพ.Ž” นางอ่อนน้อมกล่าว

ส่วนการรักษา นางอ่อนน้อมกล่าวว่า หากเป็นผู้ป่วยโรคเรื้อรังต้องรับประทานยาต่อเนื่อง ก็จะดูจากประวัติยาเก่าที่คนไข้ถือไป รพ.จะจ่ายยาตามที่ผู้ป่วยเคยทานไปจำนวนหนึ่งก่อนเพื่อจะได้รับยาต่อเนื่อง จากนั้นค่อยกลับไปรักษาในโรงพยาบาลที่ไปใช้บริการประจำ ส่วนโรคทั่วไปอื่นๆ ก็จะจ่ายยาไปตามอาการ

“สิ่งที่อยากเห็นการปรับปรุงเพิ่มเติมเพื่อให้นโยบายนี้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นก็คือ เรื่องระบบข้อมูลแบบไร้รอยต่อ เพื่อที่ว่าจะได้เห็นปัญหาสุขภาพของผู้ป่วยแต่ละคน และคาดเดาแนวโน้มได้ อย่างผู้ป่วยโรคเรื้อรัง เมื่อเข้ารับบริการ เราจะได้ปรับยาได้ถูก รวมทั้งเรื่องการจ่ายชดเชยค่าบริการซึ่งตอนนี้จ่ายแบบ Fee schedule ทำอย่างไรให้เคลมแล้ว รพ.ได้ต้นทุนกลับมา เพราะบางกิจกรรมบางรายการ ให้บริการไปแล้ว เคลมไม่ได้ก็มี”Ž นางอ่อนน้อมกล่าว

ทั้งนี้ นอกจาก รพ.ที่ให้บริการสิทธิบัตรทองรักษาที่ไหนก็ได้แล้ว หน่วยบริการปฐมภูมิอย่างโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ก็สามารถไปรับบริการได้ทุกที่เช่นเดียวกัน อย่างเช่น รพ.สต.วัดพระญาติการาม เครือข่ายบริการของ รพ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ อ.พระนครศรีอยุธยา ก็มีผู้ป่วยสิทธิบัตรทองจากนอกพื้นที่ไปรับบริการเช่นกัน

นางสุนทรี กันสุวีโร ผู้อำนวยการ รพ.สต.วัดพระญาติการาม กล่าวว่า ที่ รพ.สต.วัดพระญาติการาม นอกจากผู้รับบริการในพื้นที่แล้ว ยังมีผู้ป่วยบางส่วนที่มาจากต่างพื้นที่ด้วย

“เช่น คนที่ย้ายถิ่นไปที่ จ.พระนครศรีอยุธยา แต่ไม่ได้ย้ายสิทธิตามไปด้วย เมื่อเจ็บป่วยก็มักไปรับบริการที่นี่ ซึ่งหากเป็นสมัยก่อน ผู้ใช้สิทธิบัตรจากต่างพื้นที่ต้องชำระเงินค่ารักษาเอง ทำให้ผู้ป่วยบางรายฐานะไม่ดีมีปัญหาค่าใช้จ่าย แต่เมื่อมีโครงการนี้แล้วช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายแก่ผู้ป่วยเป็นอย่างดี ส่วนมากที่ไปจะเป็นผู้ป่วยโรคทั่วไป โรคเรื้อรัง หรืออุบัติเหตุ ก็มี ซึ่งเราก็ให้บริการเหมือนกัน ไม่ได้แบ่งแยกว่าใครสิทธิอะไร เพียงนำบัตรประชาชนไปใบเดียว เราตรวจสอบยืนยันตัวตนเสร็จแล้วไปเบิกค่าใช้จ่ายจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ส่วนผู้ป่วยก็รักษาฟรีŽ” นางสุนทรีกล่าว

ด้าน พญ.ประกายทิพ สุศิลปรัตน์ แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว รพ.สต.วัดพระญาติการาม กล่าวว่า รพ.สต.วัดพระญาติการาม เป็นหน่วยบริการปฐมภูมิที่มีทั้งแพทย์ พยาบาล และทีมสหสาขาวิชาชีพอื่นๆ ที่พร้อมให้บริการตรวจแบบผู้ป่วยนอก และติดตามดูแลผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ซึ่งโดยเจตนารมณ์ของหน่วยบริการปฐมภูมิคือ ดูแลประชาชนในพื้นที่รับผิดชอบ แต่ปัจจุบันผู้คนใช้ชีวิตหลากหลาย การคมนาคมสะดวก สามารถเดินทางจากจังหวัดใกล้ๆ ได้ง่าย ทำให้บางคนใช้ชีวิตในหลายจังหวัด หรือมีลักษณะอาชีพที่ต้องเดินทางข้ามจังหวัด เพราะฉะนั้น ผู้ป่วยที่ไปรับบริการส่วนหนึ่งคือ ผู้ป่วยที่มีสิทธิอยู่ในจังหวัดอื่น บัตรทองรักษาทุกที่ จึงเป็นโครงการที่ดีมากในการทำให้คนที่ใช้ชีวิตในลักษณะดังกล่าวได้รับการดูแลรักษาอาการเจ็บป่วยโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย

นางสุพรรณี ดีทะโชติ หนึ่งในผู้เข้าใช้บริการ เปิดเผยว่า เดิมสิทธิของตนอยู่ที่ รพ.ในพื้นที่ จ.นครราชสีมา แต่ปัจจุบันได้ย้ายถิ่นฐานไปทำงานที่ จ.พระนครศรีอยุธยา จึงเลือกเข้ารับการรักษาที่ รพ.พระนครศรีอยุธยา เพราะใกล้ที่สุด ซึ่งแม้ตนจะย้ายไปจากจังหวัดอื่น และไม่ได้ทำการย้ายสิทธิใดๆ ก็ยังสามารถรักษาฟรีได้เหมือนเดิม สำหรับขั้นตอนการเข้ารับบริการ ก็ไม่ต่างไปจากการรับบริการที่เคยใช้ เช่น มีการตรวจสอบสิทธิ ซักประวัติ ฯลฯ แต่สะดวก สบายมากขึ้นในการเข้ารับการรักษา ไม่ต้องกลับไปใช้สิทธิตามที่ลงทะเบียนไว้เพียงแห่งเดียว

“โครงการนี้ดีมากสำหรับคนที่ต้องย้ายถิ่นฐานทำมาหากิน แต่ยังไม่ได้ย้ายสิทธิการรักษา เพราะตอนแรกก็มีความกังวลเหมือนกันว่า อาการป่วยเกิดขึ้นตอนนี้ แต่สิทธิยังอยู่ที่เดิม ต้องกลับไปรักษาตามนั้นหรือไม่ แต่พอไปรับการรักษา ปรากฏว่าก็ฟรี”Ž นางสุพรรณีระบุ

ขณะที่ นายสุริยะ เขียวมณี ผู้ใช้บริการอีกคนหนึ่ง กล่าวว่า เพิ่งเคยมาใช้สิทธิบัตรทองรักษาทุกที่ รพ.พระนครศรีอยุธยา เดิมอาศัยและทำงานอยู่ที่ จ.สุโขทัย การรับบริการการรักษาจะใช้อยู่ที่นั่นเป็นหลัก แต่ด้วยลักษณะงานที่ทำอยู่จะต้องเดินทางไปต่างจังหวัดเป็นส่วนใหญ่ และครั้งนี้ก็เช่นกัน ซึ่งระหว่างทำงานเกิดอาการป่วยกะทันหัน จึงเลือกไปรับการรักษาที่นี่ เพราะใกล้สถานที่ทำงานมากที่สุด

สำหรับมาตรฐานการบริการค่อนข้างดีมีความสะดวกสบาย ไม่ค่อยมีความแออัด การรอคิวหรือขั้นตอนเป็นไปตามปกติ ไม่มีอะไรติดขัดหรือซับซ้อน โดยการใช้สิทธิตามนโยบายดังกล่าวครอบคลุมค่าใช้จ่ายทั้งหมด ไม่ได้เสียค่าใช้จ่ายส่วนใดเพิ่มเลย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image