สธ.-ศธ.พร้อมเปิดเทอมออนไซต์ 17 พ.ค.นี้ ติดโควิดนั่งเรียนได้ ตรวจ ATK เฉพาะมีอาการ

สธ.-ศธ.พร้อมเปิดเทอมออนไซต์ 17 พ.ค.นี้ ติดโควิดนั่งเรียนได้ ตรวจ ATK เฉพาะมีอาการ

วันนี้ (3 พฤษภาคม) ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการ สธ. พร้อมด้วย นายสุภัทร จำปาทอง ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) และคณะ ร่วมประชุมชี้แจงความพร้อมมาตรการเปิดเรียนออนไซต์ (On-Site) ปลอดภัย อยู่ได้กับโควิด-19 ในสถานศึกษาเตรียมความพร้อมเปิดภาคเรียนที่ 1/2565

นายสาธิตกล่าวว่า ตามที่การประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โรคโควิด-19 (ศบค.) เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2565 พิจารณาให้มีการเปิดโรงเรียนอย่างเต็มรูปแบบ เนื่องจากการเรียนออนไลน์เกิดผลกระทบเรื่องปฏิสัมพันธ์ของเด็ก โดยแต่ละโรงเรียน/จังหวัด จะมีมาตรการที่ต่างกันออกไปตามสถานการณ์ แต่จะเน้นย้ำว่า ประเทศไทยเดินหน้าสู่โรคประจำถิ่น (Endemic) ร่วมกับการติดเชื้อ การเสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ลดลง จึงต้องบริหารสถานการณ์กรณีที่พบการติดเชื้อในชั้นเรียน จะต้องไม่ปิดการเรียนการสอนทั้งชั้น รวมถึงการตรวจ ATK จากเดิมที่ตรวจ 3-5 วัน ก็จะแนะนำให้ตรวจเมื่อมีอาการป่วย ขณะที่ผู้สัมผัสเสี่ยงสูง ให้ตรวจในวันที่ 1, 5 และ 10 หลังจากสัมผัสผู้ติดเชื้อ

Advertisement

นายสาธิตกล่าวว่า การเปิดเทอมออนไซต์อยู่ได้กับโรคโควิด-19 ด้วยหลักการพื้นฐานก็คือ 3T 1V “ตัดความเสี่ยง เพิ่มภูมิคุ้มกัน” มาตรการ 6-6-7 เป็นสิ่งที่ยังคงเน้นย้ำ ส่วนโรงเรียนประจำ ต้องดำเนินการตาม Sandbox Safety zone in School (SSS) โดยเน้นย้ำพื้นที่ ประกอบด้วย สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) และศึกษาธิการจังหวัด ให้ดำเนินการ 1.เร่งฉีดวัคซีน เพื่อให้นักเรียนได้รับวัคซีนตามความสมัครใจให้ครอบคลุม 2.สถานศึกษา ต้องเข้ารับการประเมิน Thai Stop COVID Plus โดยต้องผ่านการประเมินมากกว่า ร้อยละ 95 3.เน้นย้ำการทำตามแผนเผชิญเหตุ เมื่อเจอผู้ติดเชื้อ หรือเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูงไม่ดำเนินการปิดชั้นเรียนหรือโรงเรียน เป้าประสงค์นักเรียนควรได้รับการเรียนรู้อย่างเต็มที่ที่โรงเรียน และ 4.เน้นย้ำ สสจ.ให้ปฏิบัติตามมาตรการ โดยมอบหมายให้ศูนย์อนามัยในเขตสุขภาพเป็นพี่เลี้ยง

“แผนเผชิญเหตุ ภาคการศึกษาที่ 1 ปีการศึกษา 2565 จุดเน้นที่แตกต่างเมื่อพบผู้ติดเชื้อในห้องเรียน คือ ให้ทำความสะอาดห้องเรียน แล้วดำเนินการเรียนการสอนได้ตามปกติ ส่วนจุดเน้นที่แตกต่างเมื่อพบผู้สัมผัสเสี่ยงสูงคือ ถ้านักเรียนได้วัคซีนครบตามแนวทางปัจจุบัน และไม่มีอาการ ไม่แนะนำให้กักกัน พิจารณาให้เข้าเรียนได้ กรณีไม่ได้รับวัคซีน ให้แยกกักกัน (Self-quarantine) เป็นเวลา 5 วัน และติดตามเฝ้าระวังอีก 5 วัน รวมเป็น 10 วัน” นายสาธิตกล่าว

Advertisement

ด้าน นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า สถานการณ์ติดเชื้อในเด็กต่ำกว่า 19 ปี ภาพรวมตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2565 ติดเชื้อร้อยละ 13.7 เมื่อเทียบกับผู้ติดเชื้อรายใหม่แต่ละวัน เสียชีวิตไม่มาก แต่มีจุดเปลี่ยนที่ต้องจับตาตั้งแต่กลางเดือนมีนาคม ผู้เสียชีวิตเพิ่มแบบทรงตัว 2-6 ราย เมื่อดูการฉีดวัคซีน เด็กมัธยมศึกษาฉีดเข็มที่ 1 และเข็มที่ 2 ไม่น้อยกว่าร้อยละ 70 แต่เข็มกระตุ้น (บูสเตอร์ โดส) ยังต้องเร่งรัด เพราะฉีดไม่ถึงร้อยละ 6 ส่วนเด็กประถมศึกษา 5-11 ปี ฉีดเข็มที่ 1 ครอบคลุมร้อยละ 53 เข็มที่ 2 ยังต้องเร่งรัดเพราะฉีดเพียงร้อยละ 13

ทั้งนี้ มาตรการเตรียมพร้อมเปิดเรียนออนไซต์สำหรับโรงเรียนประจำ เน้นมาตรการ Sandbox Safety zone in School (SSS) กรณีเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ ให้เปิดเรียนปกติ โดยป้องกันตนเองครอบจักรวาล ประเมิน Thai Save Thai (TST) เว้นระยะห่างในห้องอย่างน้อย 1 เมตร กรณีผู้สัมผัสเสี่ยงสูงให้จัดพื้นที่กักกัน จัดการเรียนการสอนในนั้นเป็นเวลา 5 วัน จากนั้น ให้สังเกตอาการอีก 5 วัน อย่างไรก็ตาม กรณีได้รับวัคซีนครบตามกำหนดและไม่มีอาการไม่แนะนำให้กักตัว และตรวจ ATK ในวันที่ 5 และวันที่ 10 กรณีเป็นผู้ติดเชื้อ ให้หารือหน่วยบริการสาธารณสุขในการแยกกักตัวในโรงเรียนกรณีไม่มีอาการหรือมีอาการเล็กน้อย ให้จัดการเรียนการสอนตามความเหมาะสม เว้นระยะห่างอย่างน้อย 2 เมตร งดร่วมกลุ่ม

นพ.สุวรรณชัยกล่าวว่า สำหรับโรงเรียนไป-กลับ กรณีผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ ให้เรียนตามปกติ ป้องกันตนเองครอบจักรวาล ประเมิน TST เว้นระยะห่างในห้องอย่างน้อย 1 เมตร กรณีผู้สัมผัสเสี่ยงสูงหากยังไม่ได้รับวัคซีน ไม่มีอาการ แนะนำให้กักตัวเองเป็นเวลา 5 วัน และติดตามหลังจากนั้นอีก 5 วัน กรณีได้รับวัคซีนครบและไม่มีอาการไม่ต้องกักตัว ให้เรียนได้โดยให้ตรวจ ATK วันที่ 1, 5 และ 10 หลังสัมผัสผู้ติดเชื้อ สถานศึกษาจัดให้เรียนตามความเหมาะสม เว้นระยะห่างอย่างน้อย 2 เมตร กรณีติดเชื้อให้แยกกักตัวที่บ้าน หรือพิจารณากักตัวที่โรงเรียน โดยคณะกรรมการสถานศึกษาและหน่วยงานสาธารณสุข และคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด กรณีเป็นผู้ติดเชื้อมีอาการให้พิจารณาจัดรูปแบบการเรียนการสอนอย่างเหมาะสม

ขณะที่ นายสุภัทรกล่าวว่า ได้ย้ำศึกษาธิการจังหวัดทุกจังหวัดวางแผนนำเด็กเข้ารับวัคซีนตามเกณฑ์กำหนด ทั้งนี้ ศธ.และ สธ.มีความพร้อมเต็มที่กับการเปิดภาคเรียนออนไซต์วันที่ 17 พฤษภาคมนี้ อย่างมาก มีการดำเนินตามมาตรการเคร่งครัด

“การเตรียมความพร้อมเปิดภาคเรียนที่ 1/2565 ในวันที่ 17 พฤษภาคม ทุกสถานศึกษาต้องดำเนินงานตามมาตรการ 6-6-7 และประเมินตนเองผ่าน ‘ไทยเซฟไทย’ ซึ่งสิ่งที่แตกต่างจากเดิมที่ให้เน้นการเว้นระยะห่างในห้องเรียนจาก 1.5 เมตร จะเหลือ 1 เมตร ฉะนั้น ห้องเรียนปกติที่มีขนาด 8 X 8 เมตร สามารถจัดโต๊ะเรียนได้ 7 แถวๆ ละ 6 ที่นั่ง รวม 42 คน ซึ่งโดยปกติ 1 ห้องเรียน จะมีนักเรียนประมาณ 40 คน ไม่มีปัญหาในเรื่องการเว้นระยะห่าง แต่อาจจะมีปัญหาในโรงเรียนประถมศึกษาบางแห่งเท่านั้น ที่เป็นโรงเรียนขนาดใหญ่ บางห้องอาจจะมีขนาด 6 X 8 เมตร และบางโรงเรียนเป็นการเรียนในห้องปรับอากาศ ต้องมีการเปิดระบายอากาศ ทุก 2 ชั่วโมง เป็นเวลา 10 นาที ในช่วงพัก” นายสุภัทรกล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image