อนุทินชี้ลดโควิดอีสานต้องอัดวัคซีน ลั่น! ไม่มีนโยบายแจกคนฉีด เหตุเป็นความรับผิดชอบ

อนุทินชี้ลดโควิดอีสานต้องอัดวัคซีน ลั่น! ไม่มีนโยบายแจกคนฉีด เหตุเป็นความรับผิดชอบ

วันนี้ (5 พฤษภาคม 2565) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ขณะที่การฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ในพื้นที่ชะลอตัว ว่า สำหรับการฉีดวัคซีนโควิด-19 เข็มกระตุ้น (บูสเตอร์ โดส) มีการรณรงค์อยู่ตลอดเวลา โดยให้ทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ตั้งเป้าหมายไว้ ซึ่งได้รับความช่วยเหลือจากอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) อย่างมาก ขณะที่ การติดเชื้อก็ต้องมาดูว่า วันนี้เรามีการผ่อนคลายมาตรการ ฉะนั้นการติดเชื้อก็เกิดขึ้นได้ แต่หากได้รับวัคซีนโควิด-19 ก็จะไม่อันตราย ก็สามารถประกอบอาชีพได้ตามปกติ

“อย่างที่กรมควบคุมได้หารือกับสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อให้ประชาชนที่ติดเชื้อโควิด-19 สามารถมาลงคะแนนเสียงเลือกตั้งผู้ว่าการกรุงเทพมหานคร และสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) ได้ แต่อยู่ระหว่างการทำมาตรการต่างๆ แต่นี่แสดงให้เห็นว่า กรมควบคุมโรคเชื่อระดับหนึ่งว่า การติดเชื้อโควิด-19 ไม่ได้สร้างอันตรายให้ชีวิต การจะเดินเข้าสู่โรคประจำถิ่น ก็ยังมีการติดเชื้อได้ เหมือนโรคอื่น แต่มียา มีวัคซีน มีหมอคอยรักษา เพื่อให้เราดำเนินชีวิตต่อไปได้” นายอนุทิน กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามถึงการเร่งฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น ที่ขณะนี้ได้ร้อยละ 40 แต่หากจะเป็นโรคประจำถิ่นต้องได้ถึงร้อยละ 60 นายอนุทิน กล่าวว่า สำหรับการฉีดวัคซีน ทาง สธ.ก็ได้รณรงค์เพื่อให้เห็นถึงความสำคัญ เป็นผลดีต่อประชาชนที่ได้รับวัคซีนตามโดสที่ควรได้รับ ทั้งนี้ เคยมีการเสนอให้แจกของรางวัลกระตุ้นการฉีดวัคซีน แต่ตนไม่เห็นด้วยในเรื่องนี้ เพราะการฉีดวัคซีนเป็นความรับผิดชอบของแต่ละคน ฉะนั้น คนที่รับเข็มที่ 2 ต้องไปรับเข็มที่ 3 และเข็มที่ 4 ตามลำดับ โดยข้อมูลที่มีก็ยืนยันได้ว่ามีความปลอดภัย โดยเฉพาะผู้สูงอายุ ผู้มีความเสี่ยงหากรับวัคซีนเข็มกระตุ้นก็จะลดการเสียชีวิตได้มากเมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีนเลย ตามที่มีรายงานตลอด 3 เดือนที่ผ่านมา ว่า ผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 กว่าร้อยละ 90-95 ยังเป็นกลุ่มที่ไม่ได้รับวัคซีน

“เมื่อเราฉีดวัคซีน การเสียชีวิตลดลง โรคอันตรายลดลง ก็จะทำให้สภาวะปกติเกิดขึ้นได้ เราระวังมากกว่าประเทศอื่นที่ไม่สวมหน้ากากอนามัยกันแล้ว แต่หากสวมแล้วไม่ได้เป็นความเดือดร้อน และโรคติดเชื้ออื่นก็ลดลงด้วย ซึ่งเป็นผลดีเราก็ป้องกันในส่วนนี้” นายอนุทิน กล่าว

Advertisement

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image