คบต.จ่อชง ครม.ปรับลดเงื่อนไขจ้างต่างด้าว แก้ปมขาดแคลนแรงงาน

คบต.จ่อชง ครม.ปรับลดเงื่อนไขจ้างต่างด้าว แก้ปมขาดแคลนแรงงาน

วันนี้ (19 พฤษภาคม 2565) นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว (คบต.) ครั้งที่ 2/2565 โดยมี นายสุเทพ ชิตยวงษ์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายสุทธิ สุโกศล ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่ประจำกระทรวงแรงงาน นางเธียรรัตน์ นะวะมะวัฒน์ โฆษกกระทรวงแรงงาน (ฝ่ายการเมือง) นายไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน (กกจ.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมหารือ

นายสุชาติ กล่าวว่า วันนี้ที่ประชุม คบต.ได้เห็นชอบ 4 ข้อพิจารณา ดังนี้

1.การบริหารจัดการแรงงานต่างด้าวภายหลังวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2566 โดยแบ่งแรงงานข้ามชาติที่ใบอนุญาตทำงานหมดอายุวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2566 เป็น 2 กลุ่ม 1.กลุ่มที่รับการตรวจลงตราหรือตรวจอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรไทย ภายในวันที่ 1 สิงหาคม 2565 หากต้องการทำงานต่อไป ให้ยื่นขอต่อใบอนุญาตทำงานและดำเนินการตามขั้นตอนที่กำหนด ก่อนใบอนุญาตเดิมสิ้นอายุ เพื่อทำงานได้อีก 2 ปี (13 กุมภาพันธ์ 2568) และ 2.กลุ่มที่รับการตรวจลงตราหรือตรวจอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรฯ ภายหลังวันที่ 1 สิงหาคม 2565 หากต้องการทำงานต่อไป ให้ยื่นขอต่อใบอนุญาตทำงานและดำเนินการตามขั้นตอนที่กำหนด ก่อนใบอนุญาตเดิมสิ้นอายุ โดยนายทะเบียนจะอนุญาตให้ทำงานคราวละ 1 ปี รวม 2 ครั้ง ถึงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2568

Advertisement

2.การบริหารจัดการคนต่างด้าวที่มีสถานะไม่ถูกต้องตามกฎหมาย โดยให้นายจ้างที่จ้างแรงงานข้ามชาติ 4 สัญชาติ กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม ที่มีสถานะไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ยื่นบัญชีรายชื่อแจ้งความต้องการฯ ต่อ กกจ. ผ่านระบบออนไลน์ หลังดำเนินการตามขั้นตอนเสร็จสิ้นจะทำงานและอยู่ได้ถึง วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2566 หากต้องการทำงานต่อไป ให้ยื่นขอต่อใบอนุญาตทำงานและดำเนินการตามขั้นตอนที่กำหนด ก่อนใบอนุญาตเดิมสิ้นอายุ โดยนายทะเบียนจะอนุญาตให้ทำงานคราวละ 1 ปี รวม 2 ครั้ง ถึงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2568 เช่นเดียวกัน

3.การกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมการตรวจลงตรา หรือ วีซ่า (VISA) โดยกระทรวงมหาดไทย (มท.) และสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) จะร่วมร่างกฎกระทรวงส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อปรับลดค่าธรรมเนียมวีซ่า จาก 2,000 บาท เหลือ 500 บาท และ 4.การจัดตั้งศูนย์แรกรับเข้าทำงานและสิ้นสุดการจ้าง ท่าอากาศยานดอนเมือง และสุวรรณภูมิ เพื่อใช้ในการตรวจสอบเอกสาร หรือหลักฐานต่าง ๆ และการออกใบอนุญาตทำงาน รองรับการนำแรงงานข้ามชาติเข้ามาทำงานตามเอ็มโอยู (MOU) ทางอากาศ (สัญชาติเมียนมา)

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กำชับกระทรวงแรงงาน บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง วางแผนแก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงานข้ามชาติ เพื่อลดผลกระทบให้ผู้ประกอบการที่ใช้แรงงานข้ามชาติในกิจการ สอดรับนโยบายเปิดประเทศเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของรัฐบาล ซึ่งผมในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน รับฟังปัญหาของผู้ประกอบการเรื่อยมา จนนำมาสู่การเสนอข้อพิจารณา ทั้ง 4 ประเด็น โดยทุกหน่วยงานที่ร่วมประชุมในวันนี้ จะกลับไปแก้ไขระเบียบ หรือกฎหมายในส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อผลักดันมติที่ประชุมสู่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป” นายสุชาติ กล่าว

Advertisement

ด้าน นายไพโรจน์ กล่าวว่า ประธานการประชุม คบต.ได้มอบหมายให้ กกจ. และหน่วยงานผู้รับผิดชอบจัดทำร่างประกาศกระทรวงแรงงาน ประกาศกระทรวงมหาดไทย และกฎหมายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องให้แล้วเสร็จ เพื่อสามารถดำเนินการได้ทันทีเมื่อ ครม.มีมติเห็นชอบ

“กระบวนการทั้งหมดจะต้องใช้เวลา ในระหว่างนี้ขอฝากถึงนายจ้าง สถานประกอบการที่ใช้แรงงานข้ามชาติ ให้ความสำคัญกับการใช้แรงงานถูกกฎหมาย เพราะหากตรวจพบการกระทำความผิดนายจ้างรับคนต่างด้าวเข้าทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน จะมีโทษปรับตั้งแต่ 10,000 – 100,000 บาท ต่อคนต่างด้าว 1 คน หากทำผิดซ้ำมีโทษถึงจำคุก และห้ามจ้างคนต่างด้าวทำงานอีก 3 ปี ส่วนคนต่างด้าวที่ลักลอบทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาตมีโทษปรับตั้งแต่ 5,000 – 50,000 บาท และถูกส่งตัวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร และไม่สามารถขอรับใบอนุญาตทำงานได้จนกว่าจะพ้นโทษมาแล้วเป็นระยะเวลา 2 ปี” นายไพโรจน์ กล่าวย้ำ

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image