ด่านระนองคึกคัก แรงงานเมียนมา 222 คน เข้าไทย ทำงานตามเอ็มโอยู
เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคมที่ผ่านมา แรงงานสัญชาติเมียนมา จำนวน 222 คน เข้ามาทำงานกับนายจ้างในประเทศตามเอ็มโอยู (MOU) โดยเดินทางผ่านทางน้ำ ที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) จ.ระนอง ทั้งหมดมีการฉีดวัคซีน ครบ 2 เข็ม จากประเทศต้นทาง และมีการซื้อกรมธรรม์ที่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการดูแลสุขภาพและรักษาพยาบาล ซึ่งคุ้มครองการรักษาโรคโควิด-19
“โดยเมื่อเดินทางเข้ามาถึงด่าน ตม.จ.ระนอง ได้ตรวจลงตราอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นระยะเวลา 2 ปี ตรวจหาเชื้อโควิด–19 โดยใช้ชุดตรวจ ATK ก่อนจะเดินทางไปตรวจสุขภาพ 6 โรค ณ โรงพยาบาล (รพ.) วิชัยเวช อินเตอร์เนชั่นแนล ซึ่งหากไม่พบเป็นโรคต้องห้าม 6 โรค และไม่พบเชื้อโควิด-19 แรงงานข้ามชาติจะเข้ารับการอบรม โดยศูนย์แรกรับเข้าทำงานและสิ้นสุดการจ้าง รับใบอนุญาตทำงานจากสำนักงานจัดหางานจังหวัด และเข้าทำงานในสถานประกอบการ ซึ่งอยู่ใน จ.นนทบุรี 100 คน พื้นที่กรุงเทพมหานคร 92 คน และ จ.ชุมพร 30 ค” นายสุชาติ กล่าว
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า แรงงานข้ามชาติที่เข้ามาทำงานหลังศูนย์บริหารสถานการณ์โรคโควิด-19 (ศบค.) มีมติผ่อนคลายมาตรการเข้าประเทศ (เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม2565) หากฉีดวัคซีนครบโดส หรือหากฉีดวัคซีนไม่ครบแต่มีผลตรวจ RT – PCR ใน 72 ชั่วโมง สามารถเข้าประเทศไทยโดยไม่ต้องกักตัว แต่จะต้องตรวจ ATK หากผลเป็นลบให้ดำเนินการต่อไปตามขั้นตอนที่กำหนด หรือหากพบผลเป็นบวก กรมธรรม์ประกันภัยจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการตรวจหรือรักษาพยาบาลซึ่งในส่วนที่สิทธิดังกล่าวยังไม่ครอบคลุม นายจ้างต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด ส่วนผู้ที่ฉีดวัคซีนไม่ครบ และไม่มีผลตรวจ RT – PCR ให้เข้าระบบกักตัวที่ลดเหลือ 5 วัน
“พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ มีความห่วงใยนายจ้าง สถานประกอบการที่ใช้แรงงานข้ามชาติในการขับเคลื่อนกิจการ และพบความไม่ราบรื่นจากการนำเข้าแรงงานข้ามชาติในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 โดยกำชับกระทรวงแรงงานปรับมาตรการบริหารจัดการแรงงานข้ามชาติให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน เพื่อแก้ปัญหาขาดแคลนแรงงานให้นายจ้าง สถานประกอบการ ลดปัจจัยที่จะทำให้เกิดการลักลอบนำเข้าแรงงานผิดกฎหมาย ซึ่งกระทรวงแรงงานได้วางแนวทางการนำแรงงานข้ามชาติเข้ามาทำงานในประเทศไทย โดยคำนึงถึงความปลอดภัยด้านสุขอนามัยของประชาชนในประเทศ และสอดคล้องตามมาตรการที่รัฐบาลกำหนด” นายสุชาติ กล่าว
ด้าน นายไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน (กกจ.) กล่าวว่า สำหรับนายจ้าง สถานประกอบการ ที่ต้องการนำแรงงานข้ามชาติมาทำงานกับนายจ้างในประเทศตามเอ็มโอยู ให้ปฏิบัติตามแนวทางการปรับลดมาตรการการนำแรงงานต่างด้าวเข้ามาทำงานตามบันทึกข้อตกลงความเข้าใจ (เอ็มโอยู) ว่าด้วยความร่วมมือด้านแรงงาน ดังนี้
1.มาตรการก่อนเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร 1.ให้แรงงานแสดงเอกสารหลักฐานที่ยืนยันหรือแสดงว่ามีนายจ้างหรือผู้รับอนุญาตให้นำแรงงานข้ามชาติเข้ามาทำงานในราชอาณาจักร ซึ่งได้รับการรับรองโดยกระทรวงแรงงาน เป็นผู้รับแรงงานเข้ามาทำงานในราชอาณาจักร (Name List) 2.หลักฐานการได้รับวัคซีนโควิด – 19 3.กรมธรรม์ที่คุ้มครองการรักษาโรคโควิด -19 ครอบคลุมความคุ้มครอง ในวงเงินไม่น้อยกว่า 4,000 เหรียญสหรัฐ 4.กรณีรับวัคซีนครบโดสนายจ้างแจ้ง วัน เวลาเดินทางที่ศูนย์แรกรับเข้าทำงานและสิ้นสุดการจ้างล่วงหน้า และกรณีรับวัคซีนไม่ครบโดส และไม่มีผลตรวจ RT – PCR ใน 72 ชั่วโมง แจ้งกำหนดวันเดินทางเข้ามาในประเทศ หลักฐานการยืนยันว่ามีสถานที่กักตัว (อย่างน้อย 5 วัน)
2.มาตรการเมื่อเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร แรงงานข้ามชาติสามารถเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรได้ 3 ช่องทาง ประกอบด้วย ทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ โดยหากรับวัคซีนครบโดส หรือฉีดวัคซีนไม่ครบแต่มีผลตรวจ RT – PCR ใน 72 ชั่วโมง ไม่ต้องกักตัว สามารถรับการตรวจลงตราอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นระยะเวลา 2 ปี ตรวจสุขภาพ 6 โรค ตรวจหาเชื้อโควิด – 19 โดยใช้ชุดตรวจ ATK ซึ่งดำเนินการโดยผู้เชี่ยวชาญ หรือบุคลากรทางการแพทย์ (professional use) หรือตามที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กำหนด หากไม่พบเชื้อโควิด – 19 แรงงาน 3 สัญชาติ จะเข้ารับการอบรม ณ ศูนย์แรกรับฯ รับใบอนุญาตทำงานจากสำนักงานจัดหางานจังหวัด และเข้าทำงานในสถานประกอบการได้เลย กรณีพบเชื้อโควิด – 19 ถ้าไม่มีอาการ หรือกลุ่มสีเขียวให้กักตัวที่สถานกักตัวแบบ OQ หากมีอาการกลุ่มสีเหลือง หรือสีแดง ให้กรมธรรม์ประกันภัยเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการตรวจหรือรักษา หากมีส่วนที่สิทธิดังกล่าวยังไม่ครอบคลุมนายจ้างจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย จากนั้นเมื่อตรวจไม่พบเชื้อแล้ว ให้ดำเนินการตามขั้นตอนเดียวกับแรงงานข้ามชาติที่ไม่พบเชื้อ เพื่อรับใบอนุญาตทำงานและเข้าทำงานในสถานประกอบการต่อไป กรณีแรงงานข้ามชาติที่ยังฉีดวัคซีนไม่ครบโดส จะต้องตรวจหาเชื้อโควิด – 19 ด้วยวิธี RT-PCR เมื่อเข้ามาจะต้องกักตัวอย่างน้อย 5 วัน หากครบกำหนดให้ดำเนินการเช่นเดียวกับกลุ่มแรงงานข้ามชาติที่ได้รับวัคซีนครบโดส
“ทั้งนี้ การตรวจหาเชื้อโรคโควิด – 19 ให้นายจ้างเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย กรณีที่ตรวจพบเชื้อให้กรมธรรม์ประกันภัยเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการตรวจหรือรักษาพยาบาลซึ่งในส่วนที่สิทธิดังกล่าวยังไม่ครอบคลุม นายจ้างต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด” นายไพโรจน์ กล่าว