สธ.ประสาน อสม.ยึดหลัก รับ รู้ ปรับ ใช้ สร้างความเข้าใจกัญชาทางการแพทย์

สธ.ประสาน อสม.ยึดหลัก รับ รู้ ปรับ ใช้ สร้างความเข้าใจกัญชาทางการแพทย์

วันนี้ (19 มิถุนายน 2565) นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ว่า ตามที่รัฐบาลได้ประกาศปลดล็อกกัญชาอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 9 มิถุนายนที่ผ่านมา ส่งผลให้ประชาชนสามารถปลูกกัญชา และมีพืชกัญชาไว้ในครอบครองได้โดยไม่ผิดกฎหมาย ซึ่งวัตถุประสงค์ของภาครัฐในการปลดล็อกกัญชาครั้งนี้ มุ่งเน้นในการนำพืชกัญชามาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการ สธ. จึงได้สั่งการให้ผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายดำเนินการประชาสัมพันธ์ รณรงค์ ให้ความรู้ แก่ประชาชนในการใช้กัญชาเพื่อสุขภาพ

นพ.ธเรศกล่าวว่า โดย สบส.ได้ดำเนินการประชุมหารือร่วมกับเครือข่ายประธานชมรมอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) และเครือข่ายสุขภาพทั่วประเทศ ผ่านระบบออนไลน์ทางไกลเพื่อประสาน ขอความร่วมมือจากพี่น้อง อสม. 1.05 ล้านคน ในการทำหน้าที่เป็นกระบอกเสียงในการรณรงค์ และถ่ายทอดองค์ความรู้เกี่ยวกับพืชกัญชา ทั้งคุณประโยชน์ และผลกระทบที่อาจจะเกิดจากการเสพกัญชาเกินขนาด รวมถึงข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ตามหลัก “รับ รู้ ปรับ ใช้” ได้แก่ 1.รับข้อมูล ข่าวสารด้านกัญชาจากแหล่งที่เชื่อถือได้ 2.รู้ข้อมูลเกี่ยวกับกัญชาที่ถูกต้อง 3.ปรับการใช้กัญชาให้เหมาะสมกับผู้ป่วย และ 4.ใช้กัญชาเพื่อสุขภาพและรักษาโรค เพื่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจในการใช้กัญชาทางการแพทย์ในชุมชนอย่างถูกต้องเหมาะสม แทนที่จะใช้เพื่อสันทนาการ

“ขอบคุณพี่น้อง อสม.ที่ร่วมสนับสนุนการดำเนินงานระบบสาธารณสุขไทยมาโดยตลอด ทั้งในบทบาทของนักรบด่านหน้าที่ต่อสู้กับโรคระบาดอย่างโรคโควิด-19 และบทบาทแกนนำสุขภาพของชุมชน โดยในวันนี้ที่มีการปลดล็อกกัญชา สบส.ก็หวังว่าพี่น้อง อสม.ทุกคนจะร่วมเข้ามามีบทบาทในการเป็นกระบอกเสียง และร่วมรณรงค์ เผยแพร่องค์ความรู้ และสร้างความเข้าใจให้กับพี่น้องในชุมชน ในการนำพืชกัญชาไปใช้อย่างถูกต้อง เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อการแพทย์ และเศรษฐกิจของประชาชนได้อย่างยั่งยืน” นพ.ธเรศกล่าว

Advertisement

ด้าน นพ.ภานุวัฒน์ ปานเกตุ รองอธิบดี สบส.กล่าวว่า แม้พืชกัญชาจะมีสรรพคุณทางการแพทย์ในการบรรเทาอาการได้หลากหลายโรค และประโยชน์ที่เกี่ยวกับสุขภาพด้านอื่นๆ ก็ตาม แต่ยังมีกลุ่มผู้ที่ควรระมัดระวังในการใช้กัญชา อาทิ ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี หญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตร ผู้ที่มีอาการตับและไตบกพร่อง ผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือด ผู้ที่ใช้ยาละลายลิ่มเลือด และผู้ที่ใช้ยาที่มีผลต่อระบบประสาทส่วนกลาง เป็นต้น

“ดังนั้น ขอให้ประชาชนศึกษาข้อมูลอย่างถี่ถ้วน โดยอาจจะสอบถามข้อมูลในการใช้กัญชาทางการแพทย์จากหน่วยงานสาธารณสุข หรือบุคลากรสาธารณสุขอย่าง อสม.ที่อยู่ใกล้บ้าน และหากต้องการจะปลูก หรือครอบครองกัญชาก็ขอให้สอบถามข้อมูลจากสายด่วน กัญชง กัญชา 1556 กด 3 เพื่อให้การใช้หรือครอบครองพืชกัญชาเป็นไปอย่างถูกต้องตามหลักการแพทย์ และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง” นพ.ภานุวัฒน์กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image