สธ.เตรียมขันนอต อสม.ทั่วไทย บอกต่อประโยชน์กัญชา-กัญชง หวัง ปชช.รับ รู้ ปรับ ใช้
เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2565 นายจรัส รัชกุล กองสนับสนุนสุขภาพภาคประชาชน กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ถึงแนวทางการให้อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) เดินหน้าให้ความรู้ประชาชนเกี่ยวกับเรื่องการใช้กัญชา-กัญชง ว่า ด้วยบทบาทหน้าที่ของ อสม.ทั่วประเทศกว่า 1,050,000 คน กระจายอยู่ทุกหมู่บ้านทั้ง 75,086 หมู่บ้าน โดยมีประธาน อสม.ดูแลในตำบลร่วมกับประธานชุมชน หลักการทำงานคือ แก้ข่าวร้าย กระจายข่าวดี ชี้บริการ ประสานงานสาธารณสุข บำบัดทุกข์ของประชาชน ดังนั้น เมื่อมีเรื่องของการปลดล็อกกัญชา กัญชง เพื่อการแพทย์และสร้างเศรษฐกิจ เมื่อวันที่ 9 มิถุนายนที่ผ่านมา เราจึงใช้กลไก อสม.ในการทำความเข้าใจกับประชาชนผ่านคำรณรงค์สั้นๆ คือ “รับ รู้ ปรับ ใช้” โดยเร็วๆ นี้ สบส.จะมีการประชุมร่วมกับประธาน อสม.ทุกตำบล เพื่อรับทราบแล้วนำไปสื่อสารข้อมูลต่อสมาชิก อสม.ทุกคน
นายจรัสกล่าวว่า สำหรับหลักการสื่อสาร คือ 1.รับ เป็นการรับข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับกัญชาจากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ ทั้งจากบุคคล จากบุคลากรสาธารณสุข หน่วยงานราชการ รวมถึงข้อมูลที่เผยแพร่ในแอพพลิเคชั่น “Smart อสม.” ที่สมาชิก อสม.ดาวน์โหลดไว้ในมือถือแล้วกว่าร้อยละ 60 ข้อมูลในนั้นจะมีความน่าเชื่อถือและสามารถไปบอกต่อความรู้ให้ประชาชนได้ 2.รู้ คือ อสม.ต้องรู้กฎหมายเกี่ยวกับกัญชา โดยเฉพาะประกาศของกรมอนามัยที่ให้กลิ่นและควันของกัญชาเป็นเหตุรำคาญ เพื่อป้องกันการนำไปใช้ในการที่ผิด รวมถึงติดตามข้อมูลพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กัญชา กัญชง พ.ศ. … ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรด้วย เพื่อทำความเข้าใจกับประชาชนอย่างถูกต้อง
“อสม.ต้องรู้วัตถุประสงค์ของกฎหมายกัญชา คือ การแพทย์ และเศรษฐกิจ เพราะสามารถนำมาทำผลิตภัณฑ์สุขภาพ เครื่องสำอางได้ด้วย” นายจรัสกล่าว และว่า 3.ปรับ อสม.ต้องปรับมุมมองกัญชาที่เคยเป็นยาเสพติดในอดีต แต่นำมาใช้ประโยชน์ได้ จึงต้องปรับมุมมองของชาวบ้านด้วย และ 4.ใช้ เป็นการใช้ประโยชน์จากพืชกัญชา มีความรู้ข้อดี และไม่ทำให้เกิดโทษ เช่น การทำให้เกิดกลิ่นและควัน ที่เป็นเหตุรำคาญก็จะผิดกฎหมายได้
นายจรัสกล่าวว่า อสม.ต้องรู้ประโยชน์กัญชาในการดูแลสุขภาพ เช่น ช่วยเจริญอาหารในกลุ่มผู้เบื่ออาหาร บรรเทาการนอนไม่หลับ สบส.ก็จะทำสื่อให้ความรู้ อสม.ช่วยให้สื่อสารต่อไปประชาชนในหมู่บ้าน ทุกครัวเรือน รวมถึงจะต้องกำชับเรื่องข้อกฎหมายที่จำหน่ายและห้ามใช้ในเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี เยาวชน หญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตร ผู้ที่มีอาการตับและไตบกพร่อง ผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือด ผู้ที่ใช้ยาละลายลิ่มเลือด และผู้ที่ใช้ยาที่มีผลต่อระบบประสาทส่วนกลาง เป็นต้น ดังนั้น ขอให้ประชาชนศึกษาข้อมูลอย่างถี่ถ้วน โดยอาจจะสอบถามข้อมูลในการใช้กัญชาทางการแพทย์จากหน่วยงานสาธารณสุข หรือบุคลากรสาธารณสุขอย่าง อสม.ที่อยู่ใกล้บ้าน และหากต้องการจะปลูกหรือครอบครองกัญชาก็ขอให้สอบถามข้อมูลจากสายด่วน กัญชง กัญชา 1556 กด 3 เพื่อให้การใช้หรือครอบครองพืชกัญชาเป็นไปอย่างถูกต้องตามหลักการแพทย์ และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
