ผู้ว่าฯ ชัชชาติ เผยพร้อมนำพลังซอฟต์เพาเวอร์ สานสัมพันธ์ไทย-เกาหลีใต้

ผู้ว่าฯ ชัชชาติ เผยพร้อมนำพลังซอฟต์เพาเวอร์ สานสัมพันธ์ไทย-เกาหลีใต้

เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2565 นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ให้การต้อนรับ นายมุน ซึงฮยอน (H.E. Mr. Moon Seoung-hyun) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเกาหลีประจำประเทศไทย ในโอกาสเข้าเยี่ยมคารวะเพื่อแนะนำตัวหลังเข้ารับตำแหน่ง ที่ศาลาว่าการ กทม. (เสาชิงช้า)

นายชัชชาติกล่าวว่า ประเทศไทยและเกาหลีใต้ มีความสัมพันธ์ระดับเมืองหลายด้านด้วยกัน รวมทั้งมีโครงการที่จะสามารถเรียนรู้ซึ่งกันและกันได้หลายอย่าง ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับประชาชนทั้ง 2 ประเทศ โดยกรุงโซลมีความสามารถด้านการจัดการระบบคมนาคม ระบบการจัดการรถโดยสาร เชื่อมโยงกับระบบรถไฟฟ้าใต้ดิน ซึ่งเห็นว่ามีประสิทธิภาพช่วยแก้ไขปัญหาจราจรได้ นอกจากนี้ ประเทศไทยยังได้เรียนรู้ประโยชน์ของโครงการคลองชองเกชอน และนำบางส่วนมาประยุกต์เพื่อพัฒนาต่อยอดได้

Advertisement

“ในส่วนของ กทม.ยังมีความสนใจในด้านอื่นที่เกี่ยวข้องกับนโยบายปัจจุบัน คือ เรื่องของสิ่งแวดล้อม ทั้งปัญหาฝุ่น PM2.5 น้ำเสีย และการบริหารจัดการขยะ ซึ่งเกาหลีน่าจะมีประสบการณ์การจัดการที่ดี เชื่อว่าปัญหาของกรุงเทพฯ ไม่ใช่เพียงแห่งเดียวในโลก มีหลายที่ที่แก้ได้แล้ว และเกาหลีใต้อาจจะมีคำตอบสำหรับปัญหาเหล่านี้ และแทนที่จะส่งคณะของ กทม.ไปศึกษาดูงาน อาจให้ผู้เชี่ยวชาญเกาหลีมาเมืองไทยแล้วหาคำตอบน่าจะมีประโยชน์มากกว่า เนื่องจากจะได้เห็นสภาพจริง เพื่อหาแนวทางการแก้ไขที่เหมาะสมกับเมือง” นายชัชชาติกล่าว

ผู้ว่าฯกทม. กล่าวว่า สำหรับการจราจรก็เป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญ การจัดการรถโดยสารประจำทาง หรือรถเมล์ และการใช้ระบบ ITMF (Intelligent Traffic Management System) ซึ่งเป็นระบบควบคุมการไหลของรถในเมือง ซึ่งคาดว่าที่เกาหลีใต้น่าจะมีการใช้อยู่ และอาจเป็นความร่วมมือของเมืองในอนาคตได้

“จริงๆ แล้วที่สนใจขณะนี้คือ ชาวเกาหลีใต้ที่อยู่ในประเทศไทย ซึ่งพบว่ามีจำนวนมาก โดยมีทั้งคนที่เข้ามาทำธุรกิจ มีกิจการ หรือมีครอบครัว หากมีโอกาสอยากพบปะหารือ ในประเด็นที่ กทม.สามารถสนับสนุนการทำธุรกิจให้มีความสะดวกขึ้น หรือมีข้อปรับปรุงที่ควรมีการแก้ไข รวมถึงการส่งเสริมให้นักท่องเที่ยวได้เดินทางเข้ามาในประเทศไทยในอนาคตมากขึ้น” นายชัชชาติกล่าว

Advertisement

ผู้ว่าฯกทม.กล่าวว่า ในการพบปะครั้งนี้ ยังได้เชิญสถานทูตสาธารณรัฐเกาหลีประจำประเทศไทย มาร่วมปลูกต้นไม้ เพื่อเป็นสัญลักษณ์ความร่วมมือระหว่างกัน และสถานทูตฯจะได้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการปลูกต้นไม้ล้านต้นของกรุงเทพฯด้วย รวมถึงการร่วมผลักดัน Soft Power ซึ่งเป็นพลังสำคัญมาก เนื่องจาก Soft Power ไม่มีพรมแดน อีกทั้งเชิญให้นำภาพยนตร์เกาหลีใต้ มาร่วมฉายในเทศกาล Movie Festival ซึ่งกำหนดจัดขึ้นในเดือนกรกฎาคมนี้ และเชิญชาวเกาหลีใต้ซึ่งอาศัยในประเทศไทยมาร่วมแสดงในกิจกรรมดนตรีในสวนกับ กทม.เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างกันด้วย

ด้าน นายมุน ซึงฮยอน กล่าวว่า ช่วงก่อนสถานการณ์โควิด-19 มีนักท่องเที่ยวชาวเกาหลีใต้เดินทางเข้ามาในประเทศไทยจำนวนมาก กว่า 1.9 ล้านคนต่อปี และหลังจากประกาศผ่อนคลายมาตรการต่างๆ นักท่องเที่ยวเกาหลีใต้ก็เริ่มเดินทางเข้ามากันมากขึ้น ทั้งนี้ กรุงโซลมีประชากรประมาณ 10 ล้านคน งบประมาณกว่า 40,000 ล้านเหรียญสหรัฐ มีศักยภาพในการที่จะร่วมมือกับเมืองต่างๆ ในฐานะนักการทูตจึงมองหาความร่วมมือกับนานาประเทศ และพร้อมที่จะให้ความร่วมมือกับกรุงเทพมหานครด้วยเช่นกัน

ทั้งนี้ กทม.ได้ลงนามความสัมพันธ์กับเมืองในสาธารณรัฐเกาหลี 3 แห่ง ด้วยกัน คือ

1.ข้อตกลงว่าด้วยการสถาปนาความสัมพันธ์เมืองพี่เมืองน้อง (Sister City Agreement) กับกรุงโซล เพื่อแลกเปลี่ยนด้านการจัดการการเมือง เทคโนโลยีสารสนเทศ เศรษฐกิจ การคมนาคม สิ่งแวดล้อม การวางผังเมือง การจัดการภัยธรรมชาติ และวัฒนธรรม

2.ข้อตกลงสถาปนาความสัมพันธ์ฉันมิตร (Agreement on the Establishment of a Friendship City Relationship) กับนครปูซาน เพื่อแลกเปลี่ยนด้านการบริหาร เศรษฐกิจ วัฒนธรรม สิ่งแวดล้อม สาธารณสุข วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การพัฒนาเยาวชน การศึกษา การท่องเที่ยว

3.ความตกลงการสถาปนาความสัมพันธ์ฉันมิตร (Agreement on Establishment of Friendly Relations) กับเมืองแทกู เพื่อสนับสนุนให้หน่วยงานในสังกัดที่เกี่ยวข้องติดต่อกันอย่างสม่ำเสมอและสนับสนุนการแลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างเจ้าหน้าที่คู่ภาคี การแลกเปลี่ยนเศรษฐกิจ การจัดการการขนส่ง การปกป้องสิ่งแวดล้อม การศึกษา กิจกรรมเยาวชนและการแลกเปลี่ยนในระดับประชาชน การท่องเที่ยว ความหลากหลายทางวัฒนธรรม การกีฬา การฝึกอบรมและการดูแลสุขภาพ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายระดับรัฐบาลของภาคีแต่ละฝ่ายและพันธกรณีระหว่างประเทศ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image