สปสช.ย้ำ! แค่เปลี่ยนแหล่งเงินรักษาโควิด ยันไม่กระทบให้บริการประชาชน

สปสช.ย้ำ! แค่เปลี่ยนแหล่งเงินรักษาโควิด ยันไม่กระทบให้บริการประชาชน

วันที่ 6 กรกฎาคม 2565 นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 4 กรกฎาคม 2565 เป็นต้นมา สปสช.ได้มีการปรับระบบการจ่ายชดเชยค่าบริการเกี่ยวกับโรคโควิด-19 โดยเปลี่ยนแปลงที่มาของงบประมาณที่จ่ายสำหรับโรคนี้ จากเดิมที่จัดสรรมาจาก พ.ร.ก.เงินกู้ เป็น ใช้เงินจากงบประมาณประจำของ สปสช.ที่ยังเหลืออยู่ แต่ยืนยันว่าจะไม่กระทบกับการให้บริการประชาชน รวมทั้งขอแนะนำให้ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ไปรับการรักษาตามระบบที่มีสิทธิ

นพ.จเด็จกล่าวว่า หากเป็นผู้ใช้สิทธิบัตรทอง 30 บาท นอกจากจะเข้ารับบริการที่หน่วยบริการประจำของตนแล้ว ยังเข้ารักษาที่หน่วยบริการปฐมภูมิทุกแห่งตามนโยบาย 30 รักษาทุกที่ รวมถึงเข้ารับบริการในหน่วยบริการที่อยู่ในเครือข่ายระบบบัตรทอง ซึ่งก็คือโรงพยาบาล (รพ.) ของรัฐทุกแห่ง ส่วน รพ.เอกชน ที่อยู่นอกระบบ ควรเข้ารับบริการในกรณีเจ็บป่วยฉุกเฉินเป็นหลัก

“เหตุที่ต้องเปลี่ยนแหล่งที่มาของงบประมาณเกี่ยวกับโควิด-19 เพราะตอนเกิดการระบาด หน่วยบริการเตรียมเตียงไว้สำหรับผู้ป่วยโควิด-19 และเลื่อนการให้บริการผู้ป่วยปกติออกไป ทำให้มีงบปกติที่จัดเตรียมไว้เหลืออยู่ และเราก็รู้ว่าการใช้เงินจาก พ.ร.ก.เงินกู้ เป็นภาระของรัฐบาล ดังนั้น เมื่อ สปสช.มีงบเหลือพอจะใช้จ่ายได้ เราจึงเปลี่ยนมาใช้งบประมาณปกติแทน และในกรณีที่งบประมาณปกติไม่เพียงพอ รัฐบาลก็ยินดีสนับสนุนเพิ่มเติมให้ ดังนั้น ประชาชนจึงไม่ต้องกังวลและไม่กระทบกับการให้บริการ” นพ.จเด็จกล่าว

Advertisement

เลขาธิการ สปสช.กล่าวว่า การกลับมาใช้งบปกติสำหรับโรคโควิด-19 จะทำให้มีการเปลี่ยนแปลงการให้บริการในบางรายการ เช่น การยกเลิกการจ่ายค่าตรวจคัดกรองโควิด-19 แก่ รพ.เอกชนที่อยู่นอกระบบ ส่วน รพ.ในระบบ ยังคงให้บริการเหมือนเดิม ถ้ามีอาการสงสัยหรือเข้าข่ายกลุ่มเสี่ยงตามหลักเกณฑ์ของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ต้องการตรวจ ATK หรือตรวจแล้วติดเชื้อโควิด-19 ต้องไปรับการรักษา สปสช.ยังคงตามจ่ายค่าใช้จ่ายต่างๆ แก่หน่วยบริการ

“ส่วน รพ.เอกชนที่อยู่นอกระบบ จะเรียกเก็บเงินจาก สปสช.ได้ในกรณีการให้บริการฉุกเฉิน ซึ่งส่วนใหญ่คืออาการเชื้อลงปอด แต่ถ้าไม่มีอาการ แนะนำให้ประชาชนรักษาตามระบบ ใครใช้ประกันสังคมก็ใช้สิทธิตามระบบประกันสังคม ถ้าสิทธิบัตรทอง รพ.ของรัฐทุกแห่งอยู่ในระบบบัตรทองทั้งหมด รวมทั้ง รพ.เอกชน อีกบางส่วน สามารถเข้าไปรับบริการได้ตามระบบ ซึ่งจะมีสถานบริการใกล้บ้านที่ผู้ใช้สิทธิลงทะเบียนไว้อยู่แล้ว หรือถ้าไม่รู้ว่าไปที่ไหนได้บ้างก็สามารถโทรมาที่สายด่วน 1330 หรือถ้าบ้านอยู่ที่หนึ่งแล้วมาทำงานอีกที่ ก็ไปใช้บริการในพื้นที่นั้นได้ตามนโยบายยกระดับบัตรทองซึ่งสามารถไปรับบริการปฐมภูมิที่ไหนก็ได้” นพ.จเด็จกล่าว

นพ.จเด็จกล่าวอีกว่า สำหรับความพร้อมของระบบบริการหลังจากเปลี่ยนมาใช้สิทธิตามระบบ สธ.ได้ยืนยันว่ามีความพร้อม ขณะนี้ผู้ป่วยที่มารับบริการส่วนมากจะเป็นแบบ “เจอแจกจบ” แต่เพื่อความมั่นใจ สปสช.ยังคงเตรียมงบประมาณสำหรับการดูแลแบบ Home Isolation หรือ Home Ward สำหรับกรณีที่ต้องนอน รพ.แล้วเตียงใน รพ.ไม่พอ หรือผู้ป่วยไม่สะดวกนอน รพ. แพทย์สามารถสั่งให้ไปรับการรักษาแบบ HI หรือ Home Ward ที่บ้านได้ สปสช.จะตามจ่ายให้เช่นเดิม

Advertisement

“ขณะที่สายด่วน สปสช. 1330 ยังให้บริการช่วยเหลือประชาชน อย่างไรก็ตาม เมื่อติดโควิด-19 แล้ว ไม่จำเป็นต้องโทรศัพท์แจ้งสายด่วน 1330 แต่หากมีข้อสงสัยว่า เมื่อติดเชื้อโควิดจะต้องทำอย่างไร โทรสอบถามขั้นตอนได้ หรือหากมีอาการแย่ลง ต้องการประสานหาเตียงเข้ารักษาใน รพ.ก็โทรได้เช่นกัน” นพ.จเด็จกล่าว

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image