กรมควบคุมโรคเผยป่วยไข้เลือดออกพุ่ง! ห่วงผสมโควิด แนะ ปชช.มีอาการเข้าข่ายรีบพบแพทย์

กรมควบคุมโรคเผยป่วยไข้เลือดออกพุ่ง! ห่วงผสมโควิด แนะ ปชช.มีอาการเข้าข่ายรีบพบแพทย์

วันนี้ (18 กรกฎาคม) นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงสถานการณ์โรคไข้เลือดออกในประเทศไทยว่า จากกรณีที่มีการคาดการณ์ว่า ในปี 2565 จะมีการระบาดมากขึ้นนั้น เท่าที่ติดตามมาสถานการณ์ในช่วงเดือนที่ผ่านมา พบผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกมากขึ้นจริง ซึ่งกรมควบคุมโรคได้ทำหนังสือแจ้งเตือนเฝ้าระวังการระบาดของไข้เลือดออกไปยังนายแพทย์สาธารณสุข (นพ.สสจ.) ทุกจังหวัด รวมทั้งผู้บริหารสถานศึกษาทั้งในกรุงเทพมหานคร และต่างจังหวัด เพื่อกำชับมาตรการลดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงและเตรียมความพร้อมด้านการสอบสวน/ควบคุมป้องกันโรคภายใต้พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) โรคติดต่อ พ.ศ.2558 รวมทั้งความพร้อมด้านการวินิจฉัยและรักษาพยาบาลหากเกิดการระบาดสถานการณ์โรคไข้เลือดออกในปีนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-วันที่ 12 กรกฎาคม 2565 พบผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกทั่วประเทศ 9,472 ราย เสียชีวิต 9 ราย พบผู้ป่วยกระจายทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ ซึ่งพบแนวโน้มจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นและสูงกว่าปีที่แล้วในช่วงเวลาเดียวกัน ตั้งแต่เดือนเมษายนเป็นต้นมา โดยใน 4 สัปดาห์ที่ผ่านมา พบจังหวัดที่มีผู้ป่วยสูงสุด 5 ลำดับ ได้แก่ แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ กรุงเทพมหานคร ศรีสะเกษ และตาก

“ช่วงนี้มีโอกาสพบผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกเพิ่มขึ้น เนื้องจากมีฝนตกลงมาในหลายพื้นที่ของประเทศ ทำให้มีน้ำขังตามภาชนะต่างๆ ซึ่งเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของยุงลาย เป็นปัจจัยสนับสนุนให้เกิดการระบาดของโรคได้ กรมควบคุมโรค จึงขอแนะนำประชาชนให้ช่วยกันกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายในบริเวณบ้านและโรงเรียนทุกแห่ง ด้วยมาตรการ 3 เก็บป้องกัน 3 โรค (โรคไข้เลือดออก โรคไข้ปวดข้อยุงลาย และโรคติดเชื้อไวรัสซิกา) ได้แก่ เก็บบ้านและโรงเรียน ให้สะอาดไม่ให้ยุงลายเข้ามาเกาะพัก เก็บภาชนะกักเก็บน้ำให้มิดชิดเพื่อป้องกันยุงลายลงไปวางไข่ เก็บขยะภายในบริเวณบ้านและโรงเรียน ให้เรียบร้อยไม่ให้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย และจัดกิจกรรมเสริมในการจัดการสิ่งแวดล้อมกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงในโรงเรียน เช่น กิจกรรม BIG CLEANING DAY รวมถึงการป้องกันตนเองจากการถูกยุงกัด ทั้งในบริเวณบ้านและโรงเรียน” นพ.โอภาสกล่าว

นอกจากนี้ อธิบดีกรมควบคุมโรคกล่าวว่า หากประชาชน หรือบุตรหลาน มีอาการไข้สูงลอย รับประทานยาแล้วไข้ไม่ลดหรือลดแล้วไข้กลับมาสูงอีก ร่วมกับอาการปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ ปวดกระบอกตา หรือมีจุดเลือดออกที่ลำตัว และแขน ขา ไม่ควรซื้อยามารับประทานเอง โดยเฉพาะยาลดไข้ในกลุ่มแอสไพริน และไอบูโพรเฟน และหากมีอาการ ไอ มีน้ำมูก เจ็บคอ หายใจเหนื่อยหอบ เบื่ออาหาร ปวดท้องร่วมด้วย ซึ่งอาจเป็นการเจ็บป่วยร่วมกันระหว่างไข้เลือดออกกับโรคโควิด-19 ทำให้อาการทรุดหนักอย่างรวดเร็ว ดังนั้น เมื่อมีอาการสงสัยดังกล่าว ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยแยกโรคให้ชัดเจน จะได้รับการรักษาที่เหมาะสม และช่วยป้องกันการเสียชีวิตได้ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image