สธ.ชี้วัคซีนโควิดแอสตร้าฯ ไฟเซอร์ โมเดอร์นา ประสิทธิผลใกล้เคียงกัน จี้ 2ล้านคนฉีดด่วน!

สธ.ชี้วัคซีนโควิดแอสตร้าฯ ไฟเซอร์ โมเดอร์นา ประสิทธิผลใกล้เคียงกัน จี้ 2ล้านคนฉีดด่วน!

วันนี้ (20 กรกฎาคม 2565) นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงผลการศึกษาประสิทธิผลของวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ โดยทีมวิจัยจากคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) นำโดย ศ.นพ.สุวัฒน์ จริยาเลิศศักดิ์ ร่วมกับสํานักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) เชียงใหม่ ที่ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เดือนมกราคม 2565 ว่า การฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ไม่ว่าจะเป็นแอสตร้าเซนเนก้า,ไฟเซอร์ หรือ โมเดอร์นา เป็นเข็มกระตุ้น (บูสเตอร์ โดส) ที่ 4 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสูตรไขว้ (heterologous booster vaccination) จะมีประสิทธิผลในการป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนได้สูงถึงร้อยละ 73 ร้อยละ 71 และร้อยละ 71 ตามลำดับ ซึ่งระดับประสิทธิผลนี้เพิ่มขึ้นมากกว่า 2 เท่า เมื่อเทียบกับผู้ได้รับวัคซีนเพียง 3 เข็ม

“โดยผลการวิจัยแสดงให้เห็นว่า การฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 เข็มกระตุ้นที่ 4 ไม่ว่าจะเป็นวัคซีนชนิด mRNA หรือไวรัสเป็นตัวนำ มีประสิทธิผลไม่ต่างกันในการป้องกันการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนในประชากรอายุ 18 ปีขึ้นไป ดังนั้น การสร้างภูมิคุ้มกันด้วยการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับประชากรกลุ่มเสี่ยง โดยเฉพาะกลุ่ม 608” นพ.โสภณ กล่าว

นอกจากนี้ นพ.โสภณ กล่าวว่า การวิเคราะห์ข้อมูลพบว่า ผู้ได้รับวัคซีนครบ 3 เข็ม จะช่วยป้องกันอาการรุนแรงและการเสียชีวิตจากสายพันธุ์โอมิครอนได้สูงถึงร้อยละ 96 ในกลุ่มอายุ 18-59 ปี และ ร้อยละ 97 ในกลุ่มอายุ 60 ปีขึ้นไป ดังนั้น กลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป และ 7 กลุ่มโรคเสี่ยง รวมถึงหญิงตั้งครรภ์ จึงเป็นเป้าหมายสำคัญในการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นให้ได้มากที่สุด ไม่น้อยกว่าร้อยละ 60 เพื่อให้เกิดความปลอดภัย ลดความเสี่ยงต่อการป่วยหนักและเสียชีวิต

“ทั้งนี้ ขอเชิญชวนให้ลูกหลานพาผู้สูงอายุที่ยังไม่ได้รับวัคซีนอีกประมาณ 2 ล้านคน ตลอดจนผู้ได้รับวัคซีน 2 เข็ม แล้วนานกว่า 4 เดือน แต่ยังไม่ได้รับวัคซีนเข็มที่ 3 ให้รีบไปรับวัคซีนเข็มกระตุ้นโดยเร็ว เพราะว่า 2 กลุ่มนี้ยังพบผู้เสียชีวิตมากกว่าครึ่งหนึ่งของผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ในทุกวันนี้” นพ.โสภณ กล่าว

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image